นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวในการเปิด การประชุมคณะอนุกรรมการวัฒนธรรมอาเซียน และการประชุมเครือข่ายความร่วมมือทางวัฒนธรรมอาเซียน+3 ซึ่งมีคณะผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน และประเทศคู่เจรจา จีน เกาหลี ญี่ปุ่น เข้าร่วมด้วยโดยกล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ เพื่อพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้ประเทศสมาชิกอาเซียนที่นำเสนอโครงการหรือกิจกรรมเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม โดยเป็นงบประมาณจากดอกผลของกองทุนวัฒนธรรมอาเซียนในแต่ละปีร้อยละ80 ไปดำเนินงาน โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นโครงการที่ทุกประเทศได้ประโยชน์ร่วมกัน รวมถึงช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจ และเกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านศิลปวัฒนธรรมระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน รวมถึงสร้างเครือข่ายเยาวชนอาเซียนเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งในส่วนของประเทศไทยได้นำเสนอการจัดโครงการดนตรีเยาวชนอาเซียน โดยสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนกลุ่มประเทศอาเซียนได้แลกเปลี่ยนความรู้ด้านดนตรีคลาสสิก และดนตรีพื้นบ้านร่วมกัน และเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวต่อไปว่า การร่วมมือกันด้านวัฒนธรรมของประเทศสมาชิกอาเซียนถือเป็นเรื่องสำคัญมาก แสดงให้เห็นถึงความสามัคคีโดยแท้ และเป็นการสร้างความเข้าใจในระดับที่ลึกลงไปถึงประชาชน อีกทั้งยังได้เผยแพร่วัฒนธรรมอาเซียนสู่คนภายนอกได้อย่างไม่จำกัด เนื่องจากวัฒนธรรมไม่มีเรื่องของการแข่งขัน ไม่มีการค้า และไม่มีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง สำหรับประเทศไทยเลือกนำเสนอโครงการจัดแสดงดนตรีดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าดนตรีมีความเป็นสากลและมีความเป็นภูมิภาค อีกทั้งเป็นกิจกรรมที่จะได้พัฒนาศักยภาพของเยาวชนให้แสดงออกถึงศักยภาพด้านดนตรีพื้นเมืองอาเซียน ซึ่งถือเป็นความริเริ่มใหม่ที่นำดนตรีพื้นเมืองมารวมเล่นกันในอาเซียน ซึ่งเบื้องต้นได้วางรูปแบบดำเนินงานว่าจะมีการจัดเวิร์กช้อป การประชุมสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับดนตรีทุกแขนง โดยจะเชิญผู้เชี่ยวชาญ และนักวิชาการด้านดนตรีจากนานาประเทศมาเป็นวิทยากรเพื่อให้ได้รับความรู้ที่หลากหลาย