ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาหรือ กยศ. ได้รับทราบผลการศึกษาข้อดี-ข้อเสียของการกำหนดผลคะแนนเฉลี่ยสะสมไม่ต่ำกว่า 2.00 มาเป็นหลักเกณฑ์การคัดกรองผู้กู้ยืม ซึ่งเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ปีการศึกษา 2559 โดยผลการศึกษาระบุว่า ข้อดีของหลักเกณฑ์นี้ คือ เป็นไปตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่จะทำให้ผู้กู้ยืมตั้งใจเรียนมากขึ้น ส่งผลให้เรียนจนจบการศึกษา ประกอบอาชีพได้และสามารถใช้เงินคืน กยศ. ได้ ลดโอกาสการที่ผู้กู้ยืมเรียนไม่จบ จนมีภาระหนี้จากการกู้ยืมซึ่งทำให้ผู้กู้ยืมถูกดำเนินคดีหากไม่ชำระหนี้ อีกทั้งกองทุนจะมีเงินหมุนเวียนกลับมาให้ผู้กู้ยืมรุ่นต่อไปมากขึ้น

   ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ส่วนข้อเสีย คือ เป็นการตัดโอกาสผู้ประสงค์ขอกู้ยืมที่มีผลการเรียนต่ำกว่า 2.00 ในระดับ ม.ปลาย กรณีต้องการกู้ยืมเพื่อเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น และอาจส่งผลให้ต้องลาออกกลางคัน เนื่องจากกู้ยืมเรียนต่อเนื่องไม่ได้ อย่างไรก็ตาม กระทรวงศึกษาธิการ ได้นำเสนอข้อมูลและมติของคณะอนุกรรมการบัญชีจ่ายที่หนึ่ง ว่า ควรผ่อนผันเกณฑ์ผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรระดับ ม.ปลาย (GPAX) ก่อนหน้าปีที่จะขอกู้ยืม โดยให้ผู้มีเกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 1.00 กู้ยืมเรียนได้ด้วย ซึ่งที่ประชุมได้อภิปรายกันอย่างกว้างขวางแต่ยังไม่ได้ข้อสรุป และมีมติตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาเพิ่มเติม และให้นำเสนอผลการศึกษาต่อบอร์ด กยศ. เพื่อพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์การคัดครองผู้กู้ยืม ในปีการศึกษา 2560 ต่อไป.