ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร ประธานกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา กล่าวตอนหนึ่งในงานสัมมนา เรื่อง “การปฏิรูปการจัดการดูแลพัฒนาและการจัดการศึกษาปฐมวัยให้มีมาตรฐานและเอกภาพ” ว่า ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการบัญญัติชัดเจนเกี่ยวกับการดูแลและพัฒนาเด็กเล็กก่อนเข้ารับการศึกษา ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้รับเป็นเจ้าภาพและจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องดังกล่าว ส่วนเรื่องข้อห่วงใยเรื่องงบประมาณที่จะนำมาดูแลเด็กเล็กตั้งแต่ 1-3 ปีนั้น แม้จะเป็นเรื่องยากที่จะหางบประมาณมาสนับสนุน แต่เมื่อมีการบัญญัติในรัฐธรรมนูญแล้วจึงเป็นเรื่องท้าทายที่ต้องทำ โดยต้องระดมทรัพยากรจากทุกภาคส่วน อย่างไรก็ตามจะมีการจัดตั้งกองทุนการศึกษาเพื่อช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ ภายใน 1 ปีหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ซึ่งจะทำให้มีเงินมาพัฒนาการศึกษา

   ด้าน นายแพทย์ ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การปฏิรูปการศึกษาให้ได้ผลต้องลงลึกไปถึงเด็กตั้งแต่ปฐมวัย ต้องทำให้เด็กอยากเรียนและครูอยากสอน ที่สำคัญต้องห่วงใยคนจน ซึ่งจากนี้ต่อไปกระทรวงศึกษาธิการต้องทำให้เด็กปฐมวัยกว่า 750,000 คนได้เรียน แต่จากการหารือกับสำนักงบประมาณแล้วทราบว่าไม่มีเงินมาดำเนินการ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกัน เพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา ดังนั้นต้องมาตกลงแบ่งงานว่าใครถนัดด้านใดให้รับไปทำ ส่วนฝ่ายนโยบายต้องมีทิศทางและจัดสรรงบประมาณให้ถูก โดยสิ่งสำคัญคือต้องดูเรื่องการเข้าถึงของเด็กควบคู่ไปกับการจัดดูแลเด็กอย่างมีคุณภาพ ประสิทธิภาพและความคุ้มค่า โดยต้องไปให้ถึงแก่นว่าเด็กวัยไหนต้องการอะไร ไม่ใช่จัดการศึกษาเพื่อให้เด็กไปสอบแข่งขัน แต่เป็นการดูแลและเตรียมความพร้อมให้กับเด็กโดยเฉพาะต้องเน้นโอกาสและการเข้าถึงการศึกษาของคนจนอย่างแท้จริง