นายวรศาสตร์ อภัยพงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กล่าวถึงการรับมือสถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้ โดยกล่าวว่า กรมทรัพยากรน้ำได้เตรียมพร้อมทุกหน่วยงานในสังกัดเพื่อให้การ ช่วยเหลือประชาชนนอกเขตชลประทานให้ครอบคลุมและเพียงพอกับความต้องการ เช่น การแจกน้ำ / การสูบน้ำในจุดขาดแคลนน้ำ ที่สำคัญเร่งจัดหาแหล่งน้ำรูปแบบระบบการกระจายน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อใช้ระบบส่งน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีความจุประมาณ 30,000 ลูกบาศก์เมตร ที่มีพื้นที่ 10 ไร่ขึ้นไป แล้วส่งเข้าไปพื้นที่เป้าหมาย แบ่งระบบเป็น 2 รูปแบบ คือ สำหรับพื้นที่เกษตร ขนาดสูบน้ำได้ไม่น้อยกว่า 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวันต่อชุด จะสูบน้ำขึ้นหอถังสูง แล้วกระจายน้ำไปในพื้นที่ปลูกพืชเศรษฐกิจใช้น้ำน้อย และระบบกระจายน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคมีขนาดสูบน้ำไม่น้อยกว่า 1,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวันต่อชุด และจะสูบน้ำต้นทุนส่งผ่านคลองหรือระบบท่อไปยังพื้นที่เป้าหมาย ทั้งนี้ ได้นำร่องแล้ว 47 โครงการ ที่กระจายอยู่ทุกภาคของประเทศและใช้งบประมาณไม่เกินโครงการละ 2 ล้านบาท ซึ่งภาพรวมปีนี้กรมทรัพยากรน้ำจะทำระบบกระจายน้ำและระบบท่อส่งน้ำได้ประมาณ 200-300 โครงการ

   อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กล่าวย้ำว่า เกษตรกรสามารถขอสนับสนุนระบบกระจายน้ำได้ แต่ต้องมีความพร้อมในเบื้องต้น คือ ให้เกษตรรวมกลุ่มพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 20 ไร่ มีแหล่งน้ำความจุเกิน 30,000 ลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ 10 ไร่ ด้วยการส่งคำร้องผ่านทรัพยากรธรรมชาติจังหวัด หรือกรมทรัพยากรน้ำโดยตรง