นาวาอากาศตรี นายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงพฤติกรรมเลียนแบบ หรือ copy cat การไลฟ์ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ทำร้ายตัวเอง โดยกล่าวว่า พฤติกรรมเลียนแบบ ในกรณีการฆ่าตัวตายไม่ได้เกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่ แต่มีการศึกษา พบว่า บุคคลที่เปราะบาง ได้แก่ ผู้ที่มีปัญหามากอยู่แล้วจะเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง ที่จะมีโอกาสเลียนแบบได้สูง เพราะอยู่ในสภาวะจิตใจที่ขาดความมั่นคง การป้องกันที่ดีที่สุด คือ การป้องกันแต่ต้นทาง โดยใช้ หลัก 3 ส เพื่อช่วยให้กลุ่มเสี่ยงได้เข้าสู่ระบบบริการก่อนที่จะมาเป็นปัญหาในการไลฟ์ ได้แก่ ส.สอดส่องมองหา ผู้ใกล้ชิดที่มีสัญญาณของการฆ่าตัวตาย คือ ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า ผู้ที่มีประวัติพยายามฆ่าตัวตาย และผู้ที่แสดงถึงความต้องการฆ่าตัวตาย / ส.ใส่ใจรับฟัง คนรอบข้างที่มีความเสี่ยง อย่าคิดว่าพวกเขาไม่ทำจริง เมื่อคุยแล้วจะทำให้รู้ถึงความรุนแรงของปัญหาของพวกเขา และ ส.ส่งต่อเชื่อมโยง ให้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตช่วยดูแล หากการพูดคุยเจรจากับผู้มีความเสี่ยงไม่ได้ผล
สำหรับผลกระทบกับเด็กที่ตกอยู่ในเหตุการณ์ สำหรับเด็กที่อยู่ในเหตุการณ์รุนแรงทุกชนิด ไม่ว่าจะด้วยการเห็นหรือเป็นผู้ถูกกระทำ ล้วนเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องได้รับการช่วยเหลือทั้งสิ้น ตั้งแต่การประเมินจิตใจ การประเมินสภาวะครอบครัวเพื่อหาทางดูแลช่วยเหลือที่เหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ เมื่อสภาวะครอบครัวมีความรุนแรงสูง เด็กจะมีปัญหาได้ทั้งทางอารมณ์และพฤติกรรม อารมณ์ส่วนใหญ่จะแสดงออกมาในรูปแบบความวิตกกังวล หรือซึมเศร้า ส่วนพฤติกรรมมักจะเป็นแบบแยกตัว หรือก้าวร้าวรุนแรง ผู้ใกล้ชิด เช่น ญาติ / ครู จึงมีบทบาทสำคัญยิ่งที่จะสังเกตและช่วยเหลือพวกเขา ด้วยหลัก 3 ส
ทั้งนี้ ถ้าพูดคุยกันแล้วยังไม่เข้าใจ ควรให้ญาติที่นับถือ หรือผู้ใหญ่ในชุมชน พระ ผู้นำศาสนา ช่วยให้ข้อคิด ตลอดจนขอรับบริการด้านสุขภาพจิต ได้ที่ สายด่วนสุขภาพจิต 1323 โรงพยาบาลชุมชน / โรงพยาบาลจังหวัด และ โรงพยาบาลจิตเวชทุกแห่งทั่วประเทศ