นายแพทย์ ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ในการประชุมร่วมกับที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตนได้แจ้งให้ ที่ประชุมทราบว่า กระทรวงศึกษาธิการ ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเรื่องการผลิตครูครั้งใหญ่ เนื่องด้วยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงมีพระราชหัตถเลขา พระราชทานถึงมหาวิทยาลัยราชภัฏให้เน้นการผลิตครูที่มีคุณภาพ การประชุมครั้งนี้จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการผลิตครูในอนาคต โดยได้มีการหารือถึงหลักสูตรครู 4 ปี และ 5 ปี ซึ่งตนได้ยืนยันไปว่า แนวคิดการปรับหลักสูตรผลิตครูจาก 5 ปีกลับไปเป็นหลักสูตร 4 ปี นั้น ไม่ใช่ความต้องการของตน แต่เป็นเรื่องที่สภาคณบดีคณะครุศาสตร์และศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย เสนอมาให้คณะกรรมการคุรุสภาพิจารณา ซึ่งกลุ่มวิชาชีพต้องตัดสินว่า จะผลิตครูระบบไหน ตนเองไม่มีสิทธิ์ตัดสิน อย่างไรก็ตามถึงแม้การประชุมครั้งนี้จะยังไม่ได้ข้อสรุปว่า การผลิตครูจะใช้หลักสูตร 4 ปีหรือ 5 ปี แต่ขอยืนยันว่าการผลิตครูจะต้องมีความชัดเจน และทันใช้ในการรับนักศึกษาปีการศึกษา 2561แน่นอน โดยในเร็ว ๆ นี้จะมีการจัดสัมนาร่วม 4 ฝ่าย ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา,ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ ,สภาคณบดีคณะครุศาสตร์และศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทยและคุรุสภา เพื่อหาข้อสรุป

   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมได้มีการนำเสนอผลการวิจัยของสถาบันเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ เกี่ยวกับการผลิตครูหลักสูตร 5 ปี ว่า มีจุดอ่อนที่ เน้นเนื้อหา ไม่ใช่สมรรถนะ ขณะที่นิสิตนักศึกษาต้องเสียเวลาเรียนเพิ่มอีก 1 ปี แต่จบออกมาแล้วมีคุณลักษณะไม่ต่างคนที่จบหลักสูตร 4 ปี อีกทั้งมีข้อมูลชี้ชัดว่าแต่ละปี มีการผลิตครูถึง 5หมื่นคน มีค่าใช้จ่ายประมาณคนละ 1 แสนบาทต่อปี ซึ่งการเรียนเพิ่มขึ้นอีก 1 ปี ทั้งเด็กและรัฐต้องควักกระเป๋าจ่ายเพิ่มกว่า 8 พันล้านบาท

   นอกจากนี้ยังมีผู้ให้ความเห็นว่า การผลิตครูขึ้นอยู่กับกระบวนการ โดยยกตัวอย่างโครงการคุรุทายาท ซึ่งเป็นกระบวนการผลิตครูที่เข้มข้นทำให้ได้ครูที่มีคุณภาพแต่ใช้เวลาเพียง 4 ปีเท่านั้น