นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญ กับวิสาหกิจชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ได้ให้การช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยขนาดเล็กมาก หรือ ไมโครเอสเอ็มอี ที่เป็นผู้ประกอบการรายเดียวโดยมีการจ้างงานไม่เกิน 5 คน ซึ่งได้จัดสรรงบประมาณ จากกองทุนฟื้นฟูเอสเอ็มอีของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม ในวงเงิน 2,000 ล้านบาท มาให้กู้ยืมแก่กลุ่มไมโครเอสเอ็มอี และวิสาหกิจชุมชน วงเงินรวม 500 ล้านบาท โดยให้กู้ยืมรายละไม่เกิน 2 แสนบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย ที่ประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจ ขาดสภาพคล่อง เป็นทุนหมุนเวียนหรือปรับปรุงกิจการ ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนผู้รับประโยชน์จะไม่ต่ำกว่า 2,500 ราย

   นอกจากนี้ ยังมีเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการส่งเสริมอาชีพอุตสาหกรรมในครอบครัว และหัตถกรรมไทย เพื่อช่วยเหลือราษฎรและกลุ่มผู้ประกอบอาชีพรายเล็ก สำหรับขยายการผลิต หรือปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ในวงเงินตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาท ถึง 2 ล้านบาทให้กับผู้ประกอบการทั่วประเทศ

   ทั้งนี้ ในส่วนของการสนับสนุนที่ไม่ใช่เงินทุน รัฐบาลได้ให้การส่งเสริมและพัฒนาในระดับชุมชนให้มีความเข้มแข็ง ด้วยการนำภูมิปัญญานวัตกรรมมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และต่อยอด ไปสู่เชิงพาณิชย์ การพัฒนาคุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์ การวิจัยส่งเสริมให้วิสาหกิจชุมชนเข้าใจตลาด รวมทั้งการพัฒนาระบบการบริหารจัดการในระดับชุมชนให้เกิดองค์ความรู้อย่างเป็นระบบ ซึ่งในแต่ละปีได้ให้การส่งเสริมมากกว่า 3,000 ราย ทั่วประเทศ จะเห็นว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้พยายามให้การส่งเสริมครอบคลุมทุกภาคส่วน ตั้งแต่ระดับเศรษฐกิจฐานราก เอสเอ็มอี ไปจนถึงผู้ประกอบการรายใหญ่โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพื่อให้ประชาชนคนไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนตลอดไป