07-12-2560

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เร่งผลักดัน “กระทรวงอุดมศึกษา”

   ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์ อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวในโอกาสเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ว่า การทำงานในหน้าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีสิ่งที่ตั้งใจจะทำให้เกิดผลเป็นอันดับแรก คือ การผลักดันให้เกิด “กระทรวงอุดมศึกษา” ก่อนการเลือกตั้งให้ได้ เพราะการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการวางแผนผลิตกำลังคนในระดับอุดมศึกษาที่มีคุณภาพสูง มีศักยภาพและสามารถสร้างนวัตกรรม เพื่อเพิ่มมูลค่าที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศอย่างมีมาตรฐานสากล และเป็นที่ยอมรับ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนและพัฒนา พร้อม ๆ กับการปฏิรูปอุดมศึกษาควบคู่ไปด้วย โดยจะไม่ทำงานเพียงลำพัง แต่จะสร้างความเชื่อมโยงการทำงานกับทุกภาคส่วนให้เกิดขึ้นจริง ทั้งกับคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา กระทรวงต่าง ๆ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อให้เกิดการทำงานภาพใหญ่แนวใหม่ ที่มีความเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติและเป้าหมายของประเทศอย่างแท้จริง โดยเฉพาะความเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรม ที่จะเป็นการยกระดับคุณภาพการศึกษา เสริมทักษะให้นักศึกษามีประสบการณ์จริง สามารถออกไปทำงานได้จริง ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรการบิน เพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์ซ่อมเครื่องบินในภูมิภาคอาเซียน, ระบบราง, ไบโอเทคโนโลยี, โรบอต เป็นต้น

   ในส่วนของความก้าวหน้าการเสนอพระราชบัญญัติกระทรวงอุดมศึกษา ขณะนี้ยกร่างเสร็จเรียบร้อย และเตรียมที่จะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษาในช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้ จากนั้นจะเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาและเข้าสู่กระบวนการของสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป โดยคาดว่ากฎหมายจะแล้วเสร็จและประกาศใช้ได้ในอีก 8-9 เดือนนับจากนี้ นอกจากนั้นได้วางเป้าหมายการทำงานในระยะเวลา 1 ปีต่อจากนี้ในหลาย ๆ เรื่อง อาทิ ต้องการให้มหาวิทยาลัยเกิดการปรับตัวอย่างรวดเร็วและทันต่อการเปลี่ยนแปลง ทั้งการปรับการเรียนการสอนให้มีความยืดหยุ่น เด็กสามารถเลือกเรียนได้หลายศาสตร์ หรือเรียนข้ามสาขา ข้ามคณะได้ เพื่อให้มีความรู้รอบด้าน เช่น เรียนวิศวกรรมศาสตร์ควบคู่กับการบริหารและบัญชี เป็นต้น ซึ่งต้องยอมรับว่าการเรียนเพียงศาสตร์เดียวในเวลา 4 ปี อาจไม่เพียงพออีกต่อไป รวมทั้งการจัดหลักสูตรระยะสั้นให้กับคนวัยทำงาน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ และหลักสูตรสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อรองรับผู้สูงอายุที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 ของประชากรทั้งหมดในอีก 13 ปีข้างหน้า ให้ได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ

   ทั้งนี้ ต้องขอความร่วมมือให้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ช่วยกันทำงานเพื่อตอบโจทย์ประเทศ โดยยึดปรัชญาและพันธกิจเป็นหลัก ภายใต้การดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล โดยพร้อมที่จะให้การสนับสนุนการทำงานของแต่ละมหาวิทยาลัยที่มีแผนงานและโครงการที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศที่ชัดเจนต่อไป