16-01-2561

สอศ.ลงนามความร่วมมือเพื่อส่งเสริมทักษะบุคคลากรด้าน “การผลิตและพัฒนากำลังคนกลุ่มอาชีพเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น”

   ดร.สุเทพ ชิตยวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ร่วมกับ องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน หรือ จีไอแซด (GIZ) ลงนามความร่วมมือ “การผลิตและพัฒนากำลังคนกลุ่มอาชีพเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น” ภายใต้โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสมของประเทศ ในอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น หรือ เร็ก นาม่า ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้จะส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนอาชีวศึกษาในด้านเทคโนโลยีเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นให้มีความเป็นเลิศและ ได้มาตรฐานระดับสากล ทัดเทียมกับเทคโนโลยีในยุคปัจจุบันที่ก้าวกระโดด ซึ่ง อาชีวศึกษา และ GIZ ได้ตกลงแสดงเจตนารมณ์ร่วมกัน โดยจะมีการจัดการฝึกอบรมและการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนด้านเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นให้กับครูในสถานศึกษา อาชีวศึกษาการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคนิคใหม่ๆในด้านเทคโนโลยีของเครื่องปรับอากาศ และเครื่องทำความเย็น พร้อมกันนี้ GIZ จะให้คำปรึกษาด้านอุปกรณ์และเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับการฝึกอบรม รวมไปถึงร่วมกันพัฒนาหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน ทำมาตรฐานการจัดฝึกอบรม และออกใบวุฒิบัตรเพื่อเป็นการรับรองด้วย

 

   ทั้งนี้ คาดว่าครูในสถานศึกษาที่เข้ารับการอบรม จะเกิดทักษะ เกิดความเชี่ยวชาญ และสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้ไปถ่ายทอดให้กับนักศึกษาให้มีวิชาชีพด้านเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น เพื่อรองรับการผลิตกำลังคนด้านวิชาชีพ ให้มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการในการพัฒนาประเทศต่อไป

   ด้านนายทิม มาเลอร์ ผู้อำนวยการโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสมของประเทศ ในอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น กล่าวว่า ความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เป็นหนึ่งในแผนดำเนินงานของโครงการ เพื่อเป็นการผลิตและเพิ่มศักยภาพกำลังคนกลุ่มอาชีพเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น โดยมีแผนร่วมกันพัฒนาหลักสูตรที่เน้นการใช้สารทำความเย็นธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยตามหลักสากล รวมทั้งมีการจัดฝึกอบรมนำร่องให้กับครูในสถานศึกษาโดยส่งผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาให้ความรู้ ซึ่งโครงการนี้มีเป้าหมายให้มีผู้ผ่านการฝึกอบรมจำนวน 2 พันคนตลอดระยะเวลาของโครงการจนถึงเดือนมีนาคม 2564 นอกจากนี้ ทางโครงการฯยังมีเงินอุดหนุน ใช้ในการจัดซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือสำหรับฝึกอบรมนำร่อง ดังนั้นความร่วมมือครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสสำคัญในการสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนอาชีวศึกษาของไทยให้มีความเป็นเลิศและมาตรฐานระดับสากล ควบคู่กับการพัฒนาขีดความสามารถของกำลังคน