06-03-2561

เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พร้อมปรับหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน

   ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการอิสระเพื่อปฎิรูปการศึกษา หรือ กอปศ. เสนอโครงการวิจัยและพัฒนากรอบสมรรถนะผู้เรียนระดับประถมศึกษาตอนต้น (ป.1-3) สำหรับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่พบว่า การให้เด็กช่วงชั้นนี้เรียน 8 กลุ่มสาระฯเป็นการเรียนที่มากเกินไป นั้น จากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมติดตาม การจัดการศึกษาพบว่า ทักษะสำคัญของการเรียนระดับชั้น ป.1-3 ควรมุ่งเน้นการอ่าน ออก เขียนได้ เพราะถือเป็นหัวใจหลักสำคัญของการศึกษาระดับพื้นฐาน ที่จะต้องพัฒนาให้เกิดความเข้มแข็ง ดังนั้น การจะปรับการเรียนการสอนเป็นกี่กลุ่มสาระฯ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ.พร้อมปฎิบัติในฐานะที่เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการจัดทำหลักสูตรการกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน

   ทั้งนี้ สพฐ.ได้วางแนวทางไว้ว่า การเรียนในช่วงชั้นที่ 1 (ป.1-3) จะวัดการเรียนรู้ด้านทักษะพื้นฐาน ของเด็ก อ่านออกเขียนได้และสื่อสารเป็น ส่วนช่วงชั้นที่ 2(ป.4-6) จะเน้นการเรียนรู้สมรรถนะการคิดวิเคราะห์ เพื่อใช้ในการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น ขณะเดียวกัน สพฐ.ยังวางเป้าหมายการปรับหลักสูตรว่า จะจัดการเรียนการสอนวิชาพื้นฐานแยกจากการเรียนกลุ่มสาระวิชาเลือก ซึ่งในกลุ่มวิชาเลือกนั้นจะค้นหาหลักสูตรที่มีความหลากหลาย โดยเฉพาะหลักสูตรอาชีพ เช่น คหกรรม เกษตรกรรม เทคโนโลยี เป็นต้น เพื่อให้เด็กได้เลือกเรียนตามความสนใจ ได้ค้นหาตัวตนเป็นการวางเส้นทางการเรียนในอนาคต โดยน่าจะเริ่มตั้งแต่ชั้น ป.5-6 ไปถึง ม.ต้น เมื่อเด็กจบ ม.3ไปแล้วสิ่งที่เป็นปัญหามาตลอดว่า เด็กไม่อยากเรียนอาชีวะจะหมดไปทันที เพราะเด็กจะค้นพบตัวเองว่าชอบเรียนสิ่งไหน ซึ่งแนวทางการปรับการเรียนการสอนดังกล่าวคงไม่ทำแบบปูพรมพร้อมกันทั้งประเทศ แต่จะค่อย ๆ ดำเนินการตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่

   ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.พัทธนันท์ หรรษาภิรมย์โชค รองเลขาธิการศูนย์ประสานงานสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ หรือ CHES กล่าวว่า จากผลการวิจัยการประเมินการใช้หลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 พบว่าปัญหาส่วนใหญ่ คือ วิธีการจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสม ต่อผู้เรียน รวมทั้งวิธีการวัดและประเมินผลที่ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดังนั้น การจะยกเลิกการเรียน 8 กลุ่มสาระจึงไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ตรงจุด แต่ควรปรับแนวทางการจัดการเรียน การสอนให้เป็นการบูรณาการกลุ่มสาระ เพื่อลดจำนวนรายวิชาที่เรียน เช่น บูรณาการระหว่างกลุ่มสาระแบบ STEM ซึ่งเป็นวิธีการสอนแบบใหม่ที่มุ่งให้เด็กเกิดการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงหลายมิติ ทั้งวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมและคณิตศาสตร์ รวมถึงต้องปรับแนวทางการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ให้เป็นแบบบูรณาการกลุ่มสาระด้วย เพื่อลดจำนวนครั้งของการสอบลง และยังเป็นการต่อยอดการเรียนรู้มากกว่าการกำหนดหลักสูตรขึ้นมาใหม่ด้วย