นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวถึงนโยบายการรับในนักเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. ว่า ได้เน้นย้ำกับผู้อำนวยการโรงเรียน และผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ ให้ดำเนินการตามนโยบายการรับนักเรียนในสังกัด สพฐ. ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 1, ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1, ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2561 ซึ่งรับสมัครตั้งแต่วันที่ 25-28 มีนาคม สอบวันที่ 31 มีนาคม 2561 ทุกสถานศึกษาจะต้องดำเนินการตามมาตรการ ที่เดิม สพฐ.กำหนดไว้ว่า การรับนักเรียนในระดับชั้น ม.4 และ ป.1 ไม่เกินห้องละ 40 คน แต่หลังจากที่รับฟังความคิดเห็นจากโรงเรียนต่างๆ แล้ว เห็นควรว่าหากโรงเรียนใดมีความจำเป็นและมีเหตุผลพิเศษ ต้องรับนักเรียนเพิ่ม สพฐ.จึงเปิดโอกาสให้โรงเรียนเสนอขอเพิ่มจำนวนนักเรียนเกิน 40 คนต่อห้อง หรือขอขยายห้องเรียนเพิ่มได้ เช่น อยู่ในพื้นที่มีนักเรียนมาก โดยให้เสนอผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษา และส่งต่อให้คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาพิจารณา

   เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 1 และเขต 2 กรุงเทพมหานคร รายงานข้อมูลเบื้องต้นว่า มีโรงเรียนที่ขอเพิ่มจำนวนนักเรียนสอบเข้า ม.4 มีประมาณ 20 โรงเรียน เฉลี่ยอยู่ที่ห้องละ 43-45 คนต่อห้อง ซึ่ง สพฐ.ได้กำชับไปว่า การเพิ่มจำนวนนักเรียน จะต้องไม่เกิน 50 คนต่อห้อง และการดำเนินการที่เป็นธรรมโปร่งใส ได้แก่ หลังจากเด็กสอบคัดเลือกแล้วต้องขึ้นบัญชีเรียงลำดับไว้ เพื่อยืนยันว่าโรงเรียนจะต้องเรียกเด็กในลำดับถัดไปหลังจากที่มีการสละสิทธิ์ เพื่อป้องกันการนำชื่อเด็กที่ไม่ได้สอบมาแทรก และการเรียกเงินแป๊ะเจี๊ยะ และการให้เงินโดยมีเงื่อนไขตอบแทน

   ทั้งนี้ สพฐ.ได้ร่วมกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติแห่งชาติ และกระทรวงหาดไทย ทำงานเชิงรุกโดยลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการรับนักเรียน เพื่อป้องกันและแก้ไขการเรียกรับเงิน หรือแป๊ะเจี๊ยะของโรงเรียนทั่วประเทศ ซึ่งเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่จะทำให้การรับนักเรียนของ สพฐ.ในปีนี้ทุกระดับชั้นเป็นไปด้วยความโปร่งใสยุติธรรม ตรวจสอบได้ และเป็นธรรมกับนักเรียนทุกคน