01-06-2561

กระทรวงศึกษาธิการ จับมือ สมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย เสริมทักษะกู้ชีพฉุกเฉิน ให้นักเรียน

   รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ โสภณ นภาธร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ตนได้เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงนโยบายการศึกษาเพื่อผลักดันหลักสูตรและเสริมทักษะ ให้เด็กไทยรู้รอดปลอดภัย จัดโดยสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ที่ประชุมได้หารือถึงการให้ความรู้เรื่องการป้องกันตนเองไม่ให้เจ็บป่วยฉุกเฉิน หรือการช่วยเหลือผู้ป่วยในภาวะฉุกเฉินเป็นเรื่องที่มีความจำเป็น และมีประโยชน์ ซึ่งในส่วนของ กระทรวงศึกษาธิการมีหลักสูตรการเรียนการสอนในเรื่องนี้ แต่อาจจะต้องมีการปรับปรุงเนื้อหาให้มีความทันสมัย และส่งเสริมทักษะ การปฏิบัติ เพื่อให้เด็กนักเรียนได้เรียนรู้ฝึกปฏิบัติ ด้วยความสนุก ในแต่ละกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะต้องมีการจัดกิจกรรมการเรียนให้เหมาะสมกับ ทุกช่วงวัย เชื่อว่า หากทุกคนสามารถดูแลสุขภาพของตนเองไม่ให้เจ็บป่วยจะเป็นผลดีต่อตนเองและประเทศ เพราะทุกวันนี้ประเทศไทยเสียเงินไปกับการรักษาผู้ป่วยเป็นเงินจำนวนมาก หากคนไทยมีสุขภาพดีประเทศ จะลดรายจ่ายของประเทศได้ ทั้งนี้การดำเนินจะขับเคลื่อนไปได้กระทรวงศึกษาธิการ ต้องอาศัยภาคีเครือข่าย เช่น สมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินฯ เข้ามาช่วยในการขับเคลื่อนในการทำงาน

   รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ โสภณ นภาธร กล่าวต่อไปว่า สำหรับประเทศไทยมีการสอนเกี่ยวกับ การช่วยเหลือผู้ป่วยหรือปฐมพยาบาลในหลักสูตรการศึกษามานานแล้ว แต่ยังพบว่า ประชาชนที่เป็นผู้ใหญ่ ส่วนมากยังขาดความรู้ความเข้าใจที่ชัดเจน รวมถึงขาดทักษะที่เหมาะสมทั้งในการดูแลสุขภาพของตนเอง ตลอดจนการช่วยเหลือผู้อื่นหากประสบพบเหตุ ดังนั้น การพัฒนารูปแบบใหม่ๆในการสอนและฝึกให้มีทักษะ จะเป็นเรื่องที่ดีมาก อย่างไรก็ตามหวังว่าผู้บริหารและอาจารย์ผู้รับผิดชอบในกิจกรรมสร้างเสริมทักษะชีวิตและลูกเสือในโรงเรียนต่างๆ จะร่วมรับฟัง สอบถามประเด็นที่สงสัย เพื่อให้เข้าใจในรูปแบบก่อนที่จะมีการมอบ นโยบายให้เริ่มมีการขยายผลต่อไปเกิดรูปธรรมต่อไปโดยเร็ว

   ด้านศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ สันต์ หัตถีรัตน์ นายกสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หัวใจสำคัญของการป้องกันไม่ให้คนไทยเจ็บป่วยฉุกเฉินนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ต้องเข้ามามีบทบาทในการผลักดันให้ชัดเจนกว่านี้ ส่วนกระทรวงศึกษาธิการที่มีบทบาทสำคัญ ต้องกำหนดนโยบายการศึกษา เสริมสร้างให้เด็กไทยมีทักษะชีวิตที่สอดแทรกทักษะความรู้กู้ชีพฉุกเฉิน ในวิชาต่างๆได้ เช่น พลศึกษา สุขศึกษา เหมือนกับที่เคยผลักดัน ให้เกิดหลักกสูตรลูกเสือกู้ชีพ เพื่อให้เด็กนักเรียนมีทักษะชีวิตที่จะรู้รอดปลอดภัย ปัญหาตอนนี้คือ คนไทยเจ็บป่วยฉุกเฉินเพิ่มมากขึ้น ผู้ป่วยเข้ารับบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินเฉลี่ยแล้วปีละ 25 ล้านคน ในจำนวนนี้ มีผู้ป่วยฉุกเฉินที่เสียชีวิตและพิการจำนวนมาก ซึ่งหลายสาเหตุสามารถป้องกันได้ ดังนั้น การปลูกฝังและฝึกฝนทักษะการกู้ชีพฉุกเฉินตั้งแต่ในโรงเรียนและเหมาะสมกับช่วงอายุ จะเป็นการปลูกฝังให้เด็กมีความรู้ที่จะให้ตนเองรู้รอดปลอดภัยและสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้