ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์ อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้จัดตั้งและเปิดการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยอมตะแห่งไต้หวัน ในประเทศไทย เพื่อต้องการมุ่งเน้นในสาขาที่ประเทศไทยยังขาดแคลนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยมหาวิทยาลัยดังกล่าวนับเป็นมหาวิทยาลัยแห่งชาติอันดับที่ 2 ที่เปิดในไทยภายหลัง มหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน สหรัฐอเมริกา ร่วมกับ สถาบันพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เปิดมหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล แล้วก่อนหน้านี้ โดยมหาวิทยาลัยทั้ง 2 แห่งนี้ตั้งเพื่อส่งเสริมศักยภาพของประเทศในพื้นที่ อีอีซี และยืนยัน จะไม่มีการแย่งนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยของไทยอย่างแน่นอน แต่กลับจะส่งผลดียกระดับคุณภาพ ของมหาวิทยาลัยของไทยให้สูงขึ้นและเกิดการแข่งขันมากขึ้นอีกด้วย
ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า มหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน สหรัฐอเมริกา และ สถาบันพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมกันเปิด มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล ขึ้นโดยสอนใน 2 หลักสูตร คือ วิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ และ วิศวกรรมซอฟต์แวร์ ใช้แนวทางการจัดการศึกษาของมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอนเป็นหลัก ตั้งแต่ระบบการรับนักศึกษา การจัดการเรียนการสอน การกำกับดูแลงานวิจัย รวมถึงการกำหนดเกณฑ์การสำเร็จการศึกษา อีกทั้งนักศึกษาอาจจะต้องไปศึกษาบางส่วนในสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ยังได้วางเป้าหมายระยะยาวในการผลิตนักศึกษาปริญญาเอก ไม่ต่ำกว่า 100 คน ผลิตนักศึกษาปริญญาโท ไม่ต่ำกว่า 250 คน พร้อมยกระดับคุณภาพอาจารย์และนักวิจัยไทยให้มีมาตรฐานระดับโลกสร้างโครงการวิจัยเพื่อต่อยอดเป็นนวัตกรรม มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ แม้ที่ผ่านมาทางรัฐบาลจะส่งเสริมงานวิจัยและให้ทุนนักศึกษาของไทยไปศึกษาต่อยังต่างประเทศเป็นจำนวนที่มากขึ้นกว่าที่ผ่านมา แต่ก็ถือว่ายังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ฉะนั้น การที่รัฐบาลดำเนินการดังกล่าว จึงเป็นอีกหนึ่งทางลัดที่จะช่วยให้ได้กำลังคนตรงต่อความต้องการ ขณะเดียวกันก็ยังช่วยมหาวิทยาลัยไทยในการยกระดับคุณภาพอีกทางหนึ่งด้วย