นายแพทย์วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.มีการแจ้งเตือนและเรียกเก็บยาวาลซาร์แทน สำหรับรักษาโรคความดันโลหิต และโรคหัวใจ โดยกล่าวว่า การเรียกเก็บยาจาก 2 บริษัท มี 5 ตำรับเท่านั้น ยังมียาวาลซาร์แทน (valsartan) อีก 38 ทะเบียนตำรับที่ใช้ได้ เพราะไม่มีรายงานการใช้วัตถุดิบจากบริษัทที่พบสารปนเปื้อน อย่างไรก็ตาม ยาวาลซาร์แทน ที่เรียกเก็บยังไม่ได้พบว่ามีอันตราย ไม่ยืนยันว่าสารปนเปื้อนที่แจ้งเตือนก่อให้เกิดมะเร็งอย่างที่เจอในหนูทดลอง ซึ่งหนูทดลองได้ปริมาณสารมากกว่าจำนวนที่มีอยู่ในยาปกติที่คนกิน แต่ต้องเก็บเพราะเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย จึงขอประชาชนอย่าเพิ่งตระหนักกับเรื่องนี้ ใครที่กินยาตัวนี้อย่าหยุดยา ขอให้กินยาตามปกติ แล้วนำยานี้ไปเปลี่ยนได้ที่โรงพยาบาลตามสิทธิการรักษา

   ด้าน นายแพทย์สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า การเรียกเก็บยาวาลซาร์แทนนี้ คาดว่ามีผลกระทบต่อผู้ป่วยที่รับยา เนื่องจากปกติยาตัวนี้ไม่ใช่ยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ เป็นตัวเสริมการรักษายาลอซาแทน (Losartan) เฉพาะในกรณีผู้ป่วยบางรายที่ไม่ตอบสนองกับยาลอซาแทนเท่านั้น ซึ่งคาดว่าทั้งประเทศทุกสิทธิ์การรักษา จะมีเพียง 10,000-20,000 ราย คิดเป็นเพียง 1 ใน 5 ของผู้ป่วยทั้งหมด อย่างไรก็ตามผู้ป่วยไม่ควรหยุดยาโดยเด็ดขาด เพราะความเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนด้วยความดัน มีโอกาสเกิดสูงกว่าการได้รับสารที่คาดว่าจะเป็นอันตรายมากกว่าหลายเท่าตัว