24-08-2561

คณะกรรมการอิสระเพื่อปฏิรูปการศึกษา ย้ำชัด แผนปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาเสนอต่อรัฐบาล ได้ภายใน4 กันยายน นี้

   รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ จิรุตม์ ศรีรัตนบัลล์ ประธานอนุกรรมการเฉพาะกิจจัดทำร่างแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการอิสระเพื่อปฏิรูปการศึกษา หรือ กอปศ. ที่ประชุมได้รับรายงานการรับฟังความคิดเห็นแผนปฏิรูปฯ ด้านการศึกษาทางเว็บไซต์ ซึ่งขณะนี้มีผู้เสนอความเห็นมาบ้างแล้ว แต่คณะอนุกรรมการยังต้องการให้ผู้สนใจเสนอความเห็นต่อร่างดังกล่าวเพิ่มเติม สำหรับสาระสำคัญของแผนปฏิรูปฯ ยังคงใน 6 เรื่องเช่นเดิม คือ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ครู การจัดการเรียนการสอน เด็กเล็ก ลดความเหลื่อมล้ำ และโครงสร้าง นอกจากนี้ยังได้มีการหารือถึงแผนการทำงาน เพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่จะเสนอเป็นมาตรการระยะเร่งด่วนที่ กอปศ.จะปฏิบัติหน้าที่ถึงวันที่ 30 พฤษภาคม 2562 จะทำให้เกิดรูปธรรมในการขับเคลื่อนการปฏิรูปเรื่องใดบ้าง โดยเรื่องแรกที่ต้องทำให้สำเร็จก่อนคือ ต้องผลักดันให้ ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. / เรื่องที่ 2 คือ ต้องมีกฎกระทรวงเพื่อทำให้โรงเรียนมีอิสระในการจัดการศึกษา / เรื่องที่ 3 ดิจิทัลแพลทฟอร์มที่จะเป็นระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการจัดการศึกษา / เรื่องที่ 4 ระบบการผลิตและคัดกรองครู / เรื่องที่ 5 หลักสูตรฐานสมรรถนะ และ เรื่องสุดท้ายกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาติ ที่ต้องทำให้ทันเพื่อให้กรรมการสามารถดำเนินการได้ทันทีเมื่อร่าง พ.ร.บ.ผ่าน

   ทั้งนี้ กระบวนการรับฟังความเห็นแผนปฏิรูปการศึกษาจะมีอยู่จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2561 ซึ่ง ศาสตราจารย์ นายแพทย์ จรัส สุวรรณเวลา ประธาน กอปศ.ย้ำว่า จะต้องออกให้ได้ภายใน วันที่ 4 กันยายนศกนี้ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีให้ได้ตามกรอบเวลาที่กำหนด สำหรับเรื่องโครงสร้างของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจมากเรื่องหนึ่งนั้น จะมี พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ เป็นตัวกำหนดกลไกที่เป็นโครงสร้างสำคัญเพื่อรองรับการทำงานปฏิรูปไว้ 2-3 เรื่อง โดยส่วนที่เป็นหลักสำคัญคือ คณะกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาติ ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการชี้นำทิศทางการทำงาน และรองรับข้อกำหนดตามรัฐธรรมนูญว่าด้วยการจัดทำ ดำเนินการ และตรวจสอบดำเนินการแผนการศึกษาแห่งชาติ และอีกส่วนที่มีการปรับปรุงซึ่งเป็นจุดเน้นของการปฏิรูปการศึกษา คือ การทำให้โรงเรียนเป็นศูนย์กลางการยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศ โดยโครงสร้างของโรงเรียนต้องมีความเป็นอิสระ ซึ่งจะต้องออกกฎกระทรวงเพื่อใช้บังคับโดยเร็ว