21-09-2561

สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการ

   ศาสตราจารย์ นายแพทย์ สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า ในการประชุมเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2561 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการ ให้ดำเนินการขับเคลื่อนโครงการชุมชนไม้มีค่า โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ หรือ วช. เป็นหน่วยงานหลัก ในการบูรณาการร่วมกับกรมป่าไม้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ หรือ สพภ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีก 11 หน่วยงาน ได้แก่ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สมาคมธุรกิจไม้ สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ กรมวิชาการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน และกรมส่งเสริมการเกษตร ร่วมกันดำเนินการขับเคลื่อนโครงการ “ชุมชนไม้มีค่า” เพื่อสนับสนุนประชาชนให้ปลูกไม้มีค่าเพื่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นการเก็บออมและสร้างอาชีพที่มั่นคงยั่งยืนแก่ประชาชนฐานราก โดยการผลักดันกฎหมายและมาตรการต่างๆ ในการ ส่งเสริมให้มีการปลูกไม้มีค่าทางเศรษฐกิจในที่ดินกรรมสิทธิ์ หรือที่ดินที่มีสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์โดยชอบ ด้วยกฎหมาย ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญประการหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน ให้ดีขึ้น

   สำหรับการดำเนินโครงการ “ชุมชนไม้มีค่า” เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทั้งทางด้านกฎหมาย /ด้านการเพาะพันธุ์ ขยายพันธุ์ และคัดกรองพื้นที่เป้าหมาย /ด้านการวิจัยและนวัตกรรม เพื่อการสนับสนุนการปลูกและการใช้ประโยชน์ โดยมีกลไกการดำเนินงานร่วมกันระหว่าง หน่วยงานหลักๆที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ วช. ทำหน้าที่ขับเคลื่อนโครงการชุมชนไม้มีค่าโดยนำองค์ความรู้ด้านการวิจัยและนวัตกรรมที่มีอยู่ พร้อมทั้งให้มีการทำวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรับปรุงพันธุ์ไม้มีค่าให้มีลักษณะเฉพาะ ที่สามารถตรวจสอบได้ รวมทั้งสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมเรื่องต่างๆ /กรมป่าไม้ ทำหน้าที่ดำเนินการ

   จัดทำ ปรับปรุง แก้ไข และบริการวิชาการเรื่องพระราชบัญญัติ กฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับเกี่ยวกับ การปลูกและการตัดไม้ รวมทั้งสนับสนุนการคัดเลือก เพาะพันธุ์ไม้ และการขยายพันธุ์ไม้มีค่า /สพภ. ดำเนินการเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งจัดทำเกณฑ์มาตรฐาน การประเมินมูลค่าไม้ และ ธ.ก.ส.ดำเนินการจัดทำรายละเอียด เกณฑ์มาตรฐานการประเมินมูลค่าไม้ และเรื่องการใช้ต้นไม้เป็นหลักประกัน รวมทั้งหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมบูรณาการขับเคลื่อนการดำเนินงาน และเตรียมกลไกผลักดัน อย่างเร่งด่วนและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดการสนองผลตามนโยบายกลไกประชารัฐและ ไทยนิยมยั่งยืน เพื่อให้คนไทยสามารถปลูกไม้มีค่าในพื้นที่กรรมสิทธิ์ และสามารถใช้ประโยชน์จากต้นไม้มีค่าเป็นต้นทุนของครอบครัว ที่มีมูลค่าสูง มีระบบกำกับ ควบคุมตรวจสอบ และรับรองไม้ในที่ดินกรรมสิทธิ์ ที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล อันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ทั้งนี้ รัฐบาลได้กำหนดเป้าหมาย ให้เกิดชุมชนไม้มีค่า 20,000 ชุมชน ภายใน 10 ปี ส่งเสริมและขยายผลให้ประชาชน 2.6 ล้านครัวเรือน ปลูกต้นไม้รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,000 ล้านต้น ซึ่งจะทำให้มีพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น 26 ล้านไร่ เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 10,400 ล้านบาทต่อปี เพื่อนำไปสู่ผลสัมฤทธิ์ของชาติตั้งแต่ฐานราก อันจะเป็นการสร้างอาชีพที่มั่นคง ซึ่งส่งผลให้คุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของเกษตรกรดีขึ้น เสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่สามารถพึ่งพาตนเองได้