นายเฉลิมพล ตู้จินดา ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. กล่าวว่า หน่วยบ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้น ให้เกิดการทำวิจัยและพัฒนาในภาคเอกชน ช่วยสร้างธุรกิจและเทคโนโลยีใหม่ ส่งเสริมการนำผลการวิจัยพัฒนาเข้าสู่ระบบการคุ้มครองและการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ พร้อมทั้งเสริมสร้างให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และการศึกษา เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรม ให้มีโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่สำคัญ

   ดังนั้นคณะทำงานเพื่อส่งเสริมการบ่มเพาะวิสาหกิจเริ่มต้น ซึ่งมี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. เป็นประธานจึงมอบหมายให้ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี สวทช. ดำเนินการรวบรวมติดตามผลการดำเนินการของหน่วยบ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี ภายใต้อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค โดยศึกษาแนวปฏิบัติและกรณีศึกษาของนานาประเทศ ในรูปแบบต่างๆ เพื่อนำมาพัฒนารูปแบบและกระบวนการดำเนินงานในโครงการยกระดับ การบริหารจัดการหน่วยบ่มเพาะธุรกิจ ด้วย Maturity Model เพื่อพัฒนารูปแบบการส่งเสริม การดำเนินงานของหน่วยบ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยีอย่างเป็นระบบ และมีความสอดคล้องกับมาตรฐานสากล

   ด้านนางสาวทิพวัลย์ เวชชการัณย์ ผู้อำนวยการสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการ ส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ หรือ สอว. กล่าวว่า ปัจจุบัน สอว. สนับสนุนการดำเนินงานอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค 3 แห่ง ได้แก่ อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคใต้ มีหน่วยงานในการดำเนินการบ่มเพาะธุรกิจ ทั้งสิ้น 14 หน่วยงาน ผลจากความร่วมมือในโครงการยกระดับการบริหารจัดการ หน่วยบ่มเพาะธุรกิจด้วย Maturity Model นี้ จะมีส่วนช่วยในการสร้างกระบวนการบ่มเพาะธุรกิจวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือ วทน.ให้กับผู้ประกอบการที่ ได้อย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพ โดยสามารถนำผลลัพธ์ที่ได้จากความร่วมมือในโครงการฯ ดังกล่าว มาปรับใช้เป็นแนวทางในการส่งเสริมการพัฒนาหน่วยบ่มเพาะธุรกิจ วทน. ของอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคของประเทศต่อไป