นายแพทย์วิทูรย์ อนันกุล ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขฉุกเฉิน กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กองสาธารณสุขฉุกเฉินได้วางมาตรการการอบรมประชาชนให้สามารถช่วยชีวิตหรือกู้ชีพได้อย่างถูกต้อง สามารถใช้เครื่องกระตุกหัวใจอัตโนมัติได้ ซึ่งการช่วยชีวิตได้อย่างถูกต้องนั้น จะทำให้ผู้ประสบเหตุมีโอกาส รอดชีวิตสูงมาก อย่างหลายรายที่ผู้ประสบเหตุหัวใจหยุดเต้น หากได้รับการช่วยเหลืออย่างถูกต้องจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ ไม่มีภาวะพิการตามมา เพราะสมองของมนุษย์มีเวลา 4 นาที ในการปั๊มออกซิเจนเข้าไป หากช่วยเหลือกู้ชีพได้อย่างถูกต้อง จะชะลอเวลาให้สมองไม่เสียหายได้
นายแพทย์วิทูรย์ อนันกุล กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ กระทรวงกลาโหม / กระทรวงมหาดไทย / สภากาชาดไทย / มูลนิธิโรคหัวใจ และภาคเอกชนต่างๆ เดินหน้าอบรมการกู้ชีพ ให้แก่ประชาชน ซึ่งตั้งเป้าว่า ภายใน 10 ปี จะอบรมประชาชนให้ได้ 10 ล้านคน กลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ จะใช้เป็นเครือข่ายอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านทั่วประเทศที่มีอยู่ล้านกว่าคน ตอนนี้อบรมไปได้แล้ว 2 แสนกว่าคน รวมถึงกลุ่มทหารเกณฑ์ที่อยู่ในค่าย รวมถึงนักเรียนและครูในโรงเรียน สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ แต่ยังไม่ถึงขั้นบรรจุไว้ในหลักสูตรการเรียนการสอน
นอกจากนี้ การอบรมจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ อบรมตามกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ และอีกส่วน คือ สอนครูผู้ฝึกสอน โดยอาจจะเป็นกลุ่มคนที่ต้องเจอกับบุคคลมากๆ เช่น มัคคุเทศก์ / คนขับรถสาธารณะ ซึ่งการที่ประชาชนสามารถกู้ชีพได้นั้นจะช่วยลดความสูญเสียลงได้