รองศาสตราจารย์ ดร.เอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้มอบนโยบายให้แก่ผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. โดยเน้นย้ำเรื่องกับพัฒนาคุณภาพการศึกษา ซึ่งในเรื่องการรับนักเรียนเข้าเรียนในสถานศึกษาสังกัด สพฐ. ปีการศึกษา 2563 นั้น เบื้องต้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีความต้องการสร้างโรงเรียนอีลิท (Elite) ที่มีแต่เด็กเก่งเข้าเรียน ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ กพฐ. ที่เสนอให้มีโรงเรียนที่รับนักเรียนโดยการสอบเข้า 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อคัดกรองเด็กเก่งเข้าเรียน แต่แนวคิดดังกล่าวยังมีนักวิชาการบางกลุ่มมองว่า เป็นการเพิ่มความเหลื่อมล้ำในสังคมให้มากขึ้น ดังนั้น จึงต้องหารือกับผู้เกี่ยวข้องให้รอบด้านก่อน ซึ่งขณะนี้มีเวลาเหลืออีกครึ่งปีหากข้อเสนอนี้ได้รับความเห็นชอบ โรงเรียนที่จะรับนักเรียนโดยใช้วิธีสอบเข้า 100 เปอร์เซ็นต์ ยังสามารถเตรียมความพร้อมได้ทันแน่นอน

   รองศาสตราจารย์ ดร.เอกชัย กี่สุขพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ยังได้หารือกับ ดร.สุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการ กพฐ.เกี่ยวกับโครงการพัฒนาครูรูปแบบครบวงจร หรือ คูปองครู โดยปี 2562 มีแนวโน้มว่า อาจจะไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากติดปัญหาเรื่องงบประมาณที่ยังไม่สามารถเปิดจ่ายได้ต่อเนื่อง ซึ่งติดขั้นตอนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ขณะเดียวกันสพฐ.ยังกันเงินส่วนหนึ่งไปจ้างครูธุรการเพิ่ม เพื่อลดภาระงานให้ครูมีเวลาสอนมากขึ้น เป็นประโยชน์กับเด็กและโรงเรียน ส่วนการอบรมครูก็อาจปรับให้ศึกษานิเทศก์ เป็นผู้ดำเนินการเอง เพราะเป็นงานหลักของศึกษานิเทศก์อยู่แล้ว สำหรับปีงบประมาณ 2563 นั้น สพฐ. ได้ตั้งงบฯ สำหรับโครงการพัฒนาครูไว้แล้ว โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการให้ดูข้อดี ข้อเสีย ของโครงการคูปองครู อะไรที่เป็นส่วนดีให้คงไว้ ส่วนที่มีปัญหา ต้องปรับปรุงพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ มองว่าโครงการคูปองครูเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องมีการปรับปรุง เช่น หลักสูตรใดที่ศึกษานิเทศก์ สามารถอบรมเองได้ ไม่ต้องให้หน่วยงานอื่นมาจัดอบรม และให้ศึกษานิเทศก์ ทำงานอย่างเต็มที่ เพราะที่ผ่านมากลายเป็นว่า บริษัทเอกชน เปิดหลักสูตรแล้วจ้างศึกษานิเทศก์ไปอบรม ทั้งที่เป็นงานประจำของศึกษานิเทศก์อยู่แล้ว