19-08-2562

กรมควบคุมโรค เตือนผู้ปกครองดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิดในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะเด็กเล็กอายุ 1-3 ปี

   นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นฤดูฝน อากาศที่เย็นและชื้น เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคมือ เท้า ปาก ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์โรคมือ เท้า ปาก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 13 สิงหาคม 2562 พบผู้ป่วยแล้ว 37,921 ราย ช่วงอายุที่พบมากที่สุด คือ อายุน้อยกว่า 1 ปี รองลงมาอายุ 1 - 2 ปี และอายุ 2 - 3 ปี จังหวัดที่มีอัตราป่วย ต่อแสนประชากรสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่/ ระยอง / น่าน กรุงเทพมหานคร และเพชรบุรี

   ทั้งนี้ โรคมือ เท้า ปาก มักเกิดในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เพราะยังมีภูมิคุ้มกันต่ำ โรคนี้สามารถติดต่อได้จากการรับเชื้อไวรัสเข้าทางปากโดยตรง โดยเชื้อไวรัสจะติดมากับมือหรือของเล่นที่เปื้อนน้ำมูก น้ำลาย น้ำจากแผลตุ่มพอง หรืออุจจาระของผู้ป่วย หรือติดต่อจากการไอ / จาม รดกัน หากได้รับเชื้อจะมีอาการ เช่น มีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย ต่อมา 1 - 2 วัน จะมีอาการเจ็บปาก ร่วมกับมีตุ่มพองเล็กๆ บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า ตุ่มแผลในปาก ที่เพดานอ่อน กระพุ้งแก้ม ลิ้น จากนั้นจะแตกออกเป็นแผลหลุมตื้นๆ หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีไข้ขึ้นสูง ซึมลง เดินเซ ชักเกร็ง หายใจหอบเหนื่อย อาเจียนมากเป็นสัญญาณว่าอาจติดเชื้อชนิดรุนแรง ต้องรีบไปพบแพทย์ทันทีเพราะอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

   กรมควบคุมโรค จึงขอแนะนำผู้ปกครองเฝ้าระวังบุตรหลานให้ห่างจากโรคมือ เท้า ปาก ด้วย 4 วิธี คือ ลดการสัมผัสเชื้อ ไม่ควรไปคลุกคลีกับผู้ป่วย / หมั่นทำความสะอาดของใช้และของเล่นเด็กเป็นประจำ เพื่อลดเชื้อโรคที่อยู่ในสิ่งแวดล้อม / หมั่นให้เด็กล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ ทั้งก่อนและหลัง รับประทานอาหารหรือเข้าห้องน้ำ เพื่อลดการสะสมเชื้อโรคบนมือและลดการแพร่สู่ผู้อื่น และหากพบผู้ป่วย ควรให้หยุดเรียนและรักษาจนกว่าจะหาย ควรแยกของใช้ส่วนตัวเด็กป่วยออกจากเด็กปกติ เพื่อชะลอการแพร่กระจายของเชื้อโรค

สำหรับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและโรงเรียน ควรมีการคัดกรองเด็กนักเรียนทุกเช้าก่อนเข้าห้องเรียน เพื่อตรวจดูนักเรียนที่มีอาการแสดงของโรค คือมีไข้ ผื่น ตุ่มน้ำใส หรือเม็ดแดงๆ ในปาก ฝ่ามือ / ฝ่าเท้า หรือก้น หากพบเด็กป่วยให้แยกออกมา แจ้งผู้ปกครองให้มารับกลับและพักรักษาจนกว่าจะหายเป็นปกติ ส่วนผู้ปกครองหากพบเด็กป่วยมีอาการแทรกซ้อน เช่น ไข้สูง / ซึม / อาเจียน / หอบ ต้องรีบนำเด็ก ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลทันที