12-09-2562

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ร่วมกับภาคีเครือข่าย พัฒนาศักยภาพคนพิการ สร้างงานกว่า 4,000 อัตรา

   นางภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. กล่าวว่า เป็นเวลา 3 ปีแล้วที่ สสส.ทำงานส่งเสริมศักยภาพ คนพิการ ส่งผลให้มีการจ้างงานแล้วกว่า 4,000 อัตรา บทบาทหน้าที่ของ สสส.กับคนพิการ คือ การทำงานที่มีคุณค่า (Decent Work) ครอบคลุม 4 มิติ อาทิ ด้านการส่งเสริมสุขภาพ / ด้านเศรษฐกิจ/ ด้านสังคมและการเรียนรู้ และด้านสภาพแวดล้อม โดย สสส.มีทีมงานพี่เลี้ยงคอยติดตามดูแลคนพิการที่มีงานทำเพื่อคอยช่วยเหลือให้คำปรึกษา สร้างความมั่นใจ เสริมทักษะการดูแลสุขภาพ และการเก็บออมเงิน เพื่อให้คนพิการ ไม่เป็นภาระของคนอื่น สามารถพึ่งพาดูแลตนเองและครอบครัวได้

   ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สสส. กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศที่เจริญมากขึ้น จะมีคนพิการมากขึ้นตามไปด้วย สิ่งที่ สสส.ทำในวันนี้จะเป็นโมเดลให้สังคมได้รับรู้ว่า คนพิการทุกคน มีศักยภาพและสามารถทำงานหรืออยู่ร่วมกันกับคนปกติได้อย่างเท่าเทียมและเสมอภาคกัน

   ด้าน นายมณเฑียร บุญตัน สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า ข้อมูลขององค์การอนามัยโลก พบว่าปี 2554 ทั่วโลกมีคนพิการมากกว่าพันล้านคน หรือประมาณร้อยละ 15 ของประชากรโลก เป็นกลุ่มที่มีความหลากหลายและมีรายได้น้อยที่สุด แต่เมื่อโลกเปลี่ยนไปการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานควรต้องทำควบคู่ไปกับ การพัฒนาสิทธิมนุษยชนจึงจะเกิดการพัฒนาได้ในที่สุด ดังนั้นคนพิการจะต้องเข้าถึงบริการและทรัพยากร ต่าง ๆ ได้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึงเช่นเดียวกับคนปกติ ในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างนิวซีแลนด์ มีคนพิการจำนวนร้อยละ 25 ของประชาชนในประเทศ ขณะที่สหรัฐอเมริกามีคนพิการอยู่ 1 ใน 4 ของประชาชน ด้านประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว กลับมีคนพิการไม่ถึงร้อยละ 2 นั่นแสดงว่าในประเทศที่พัฒนาแล้วยิ่งมีคนพิการมากขึ้น เราจึงควรป้องกันความพิการด้วยการส่งเสริมความเสมอภาค ขจัดสิ่งที่ขัดขวางการเข้าถึงสิทธิต่าง ๆ ที่คนพิการพึงได้รับ เพื่อลดความพิการให้กับคนพิการ

   ขณะที่ นายนภ พรชำนิ ผู้ก่อตั้งบริษัทไลฟ์อีส กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ในฐานะประชาชน และศิลปิน ที่คลุกคลีกับคนพิการมาเป็นเวลา 15 ปี สิ่งที่ตนและครอบครัวทำในวันนี้คือการดูแลคนพิการตั้งแต่อยู่ในครรภ์ กระทั่งคลอดออกมา ด้วยความเชื่อว่าหากคนกลุ่มนี้ได้รับการคัดกรองพัฒนาศักยภาพตั้งแต่ต้นแล้ว จะสามารถใช้ชีวิตทำงานร่วมกับคนปกติได้อย่างไม่เป็นภาระของคนอื่น ปัจจุบันหลายบริษัทเปิดกว้างรับคนพิการเข้าทำงานมากขึ้น และเป็นเรื่องดีที่หลายบริษัทมองว่าคนพิการไม่ใช่ภาระอีกต่อไป ตนจึงอยากร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการขับเคลื่อนเรื่องนี้จนเกิดเป็นระบบที่ปฏิบัติร่วมกันในสังคม โดยมั่นใจว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าคนพิการจะมีความสุข และยืนอยู่ในสังคมร่วมกับคนปกติได้อย่างภาคภูมิ.