23-09-2562

ธนาคารแห่งประเทศไทย แนะผู้ถือบัตรเดบิตและบัตรเอทีเอ็มรูปแบบเดิมที่เป็นแถบแม่เหล็ก ให้รีบเปลี่ยนเป็นแบบชิปการ์ด

   นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการยกระดับความปลอดภัยในการใช้บัตรเดบิตและบัตรเอทีเอ็มผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์และยังป้องกันการปลอมแปลงบัตรจากการโจรกรรมข้อมูลนำไปทำบัตรปลอมใช้ทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเครื่องเอทีเอ็ม ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา ธปท.ร่วมมือกับสมาคมธนาคารไทยและสถาบันการเงิน ผลักดันการปรับเปลี่ยนบัตรเดบิตและบัตรเอทีเอ็มจากรูปแบบบัตรแถบแม่เหล็กให้เป็นบัตรชิปการ์ด ที่เป็นมาตรฐานสากลมาอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายในการเปลี่ยนบัตร ให้ครบถ้วนภายในสิ้นปี 2562 เนื่องจากหลังจากวันที่ 15 มกราคม 2563 เป็นต้นไป บัตรแถบแม่เหล็ก จะไม่สามารถใช้งานได้ที่เครื่องเอทีเอ็ม หรือเครื่องรูดบัตรที่ร้านค้า

   จากการรายงานของสถาบันการเงินต่างๆ ปัจจุบันมีประชาชนเปลี่ยนเป็นบัตรชิปการ์ดแล้วประมาณ 47 ล้านใบ ยังคงมีบัตรแถบแม่เหล็กที่ยังไม่ได้เปลี่ยนอีกประมาณ 20 ล้านใบทั่วประเทศ ธปท.จึงประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ยังใช้บัตรเดบิตหรือบัตรเอทีเอ็มแบบแถบแม่เหล็กอยู่ในปัจจุบันรีบติดต่อธนาคารที่ใช้บริการได้ทุกสาขาเพื่อเปลี่ยน บัตรแถบแม่เหล็กเป็นบัตรชิปการ์ดให้แล้วเสร็จ โดยแสดงบัตรประจำตัวประชาชน บัตรเดบิต หรือบัตรเอทีเอ็มใบเดิมและสมุดบัญชีเงินฝาก โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนบัตร เพื่อความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงินและให้ผู้ถือบัตรสามารถใช้งานบัตรได้อย่างต่อเนื่อง

   สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้เปลี่ยนบัตรแถบแม่เหล็กเป็นบัตรชิปการ์ด หลังจากวันที่ 15 มกราคม 2563 เป็นต้นไป จะไม่สามารถใช้งานได้ที่เครื่องเอทีเอ็ม หรือที่รูดบัตรที่ร้านค้า หากมีความต้องการใช้เงินสดหรือโอนเงิน สามารถเบิกถอนได้ที่สาขาธนาคาร หรือใช้ฟังก์ชั่นกดเงินไม่ใช้บัตรที่ตู้เอทีเอ็ม หรือโอน เงินผ่าน mobile banking / internet banking แทน