ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้มอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. ดำเนินการเรื่องการกระจายอำนาจให้แก่สถานศึกษา โดยให้จัดทำแนวทางและส่งเสริมสนับสนุนให้โรงเรียนเป็นนิติบุคคล เพื่อให้สามารถกระจายอำนาจไปยังสถานศึกษาอย่างแท้จริง โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกำชับว่า ต้องเตรียมทางออกไว้ด้วย หากให้อำนาจไปแล้ว ถ้าโรงเรียนไม่สามารถดำเนินการได้หรือทำแล้วประสบปัญหาต้องสามารถเปลี่ยนแปลงหรือเรียกอำนาจคืนได้ ซึ่งเรื่องนี้ สพฐ.พอมีข้อมูลเรื่องนี้บ้างแล้ว และคิดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการไม่นานนัก โดยจะเร่งแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมารวบรวมข้อมูล และวางแนวทางการขับเคลื่อนการกระจายอำนาจให้แก่สถานศึกษาต่อไป

   ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ กล่าวต่อไปว่า สพฐ.มีความเห็นสอดคล้องกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ว่า การกระจายอำนาจให้สถานศึกษานั้น จะต้องมีทั้งเรื่องของความรับผิดและรับชอบ ต้องมีมาตรการและแรงจูงใจซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ใช่มีแต่โจทย์เดียว คือ สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ต้องมองด้วยว่าสิทธิและหน้าที่ในการขับเคลื่อนสถานศึกษาให้มีความเข้มแข็งในการทำงานคืออะไร โดยเป็นไปอย่างสอดคล้อง กับความต้องการของชุมชนและสังคม เพราะแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกันตามบริบท อีกทั้งต้องให้กรรมการสถานศึกษามีส่วนร่วมในการกำหนดด้วย โดยต้องเชื่อมโยงไปถึงเรื่องหลักสูตร การจัดการเรียนรู้ที่ให้ครูได้มีบทบาทในการจัดการเรียนรู้ที่ตรงกับความต้องการของชุมชน ท้องถิ่นอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ โรงเรียนสามารถเป็นนิติบุคคลได้ตามกฎหมาย และจากประสบการณ์ที่ร่วมขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษามาตลอด เชื่อว่าสามารถทำได้ แต่ในทางปฏิบัติคงต้องให้คณะกรรมการที่จะตั้งขึ้นช่วยกรองก่อน โดยส่วนตัวคิดว่าต้องดูโรงเรียนที่มีความพร้อมก่อน เช่น โรงเรียนขนาดใหญ่ / โรงเรียนประจำจังหวัด โรงเรียนเฉพาะทางอย่าง กลุ่มโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย เพราะถ้าให้เป็นนิติบุคคลทั้งหมด ในคราวเดียว อาจจะเกิดภาวะปรับตัวไม่ทันจากกฎหมายและแนวทางจนเป็นปัญหากลับมาได้ ส่วนแนวทางจะเป็นอย่างไรต้องรอฟังจากคณะกรรมการก่อน เพื่อจะได้ขับเคลื่อนให้โรงเรียนมีอิสระ ในการดำเนินการทางด้าน วิชาการ การบริหารงานบุคคล งบประมาณ และการบริหารทั่วไป เพื่อให้โรงเรียน มีอิสระอย่างแท้จริง