นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังหารือความร่วมมือการศึกษาไทยและต่างประเทศ กับสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย และคณะผู้แทนสถาบันการศึกษาจีน ว่า ในอนาคตความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและ สาธารณรัฐประชาชนจีน จะเข้มข้นขึ้นด้วยโครงการ One Belt, One Road (OBOR) หรือเส้นทางสายไหมศตวรรษ 21 รวมทั้งมีการลงทุนสร้างรถไฟความเร็วสูงร่วมกัน ซึ่งต้องใช้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยีรถไฟจากจีน รวมถึงการขยายตลาดของไทยไปที่จีนด้วย ศธ.ต้องเตรียมความพร้อมบุคลากร โดยส่งเสริมการศึกษาให้คนไทยมีความรู้ด้านภาษาจีนเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันจะเปิดโอกาสให้คนจีน มีโอกาสเรียนรู้ภาษาไทยมากขึ้น ถือเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศตามนโยบายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการหารือร่วมกันพบว่าสถาบันการศึกษา จากประเทศจีน มีความสนใจที่จะเข้าร่วมพัฒนาการศึกษากับไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม และการเรียนการสอนภาษาจีนในไทย ที่ได้รับความสนใจมาก ซึ่งได้มอบให้สถาบันการศึกษาของประเทศจีน ไปจัดทำรายการความต้องการของสถาบันแต่ละแห่ง เช่น เรื่องการให้ทุนการศึกษา การแลกเปลี่ยนครูและนักเรียน เป็นต้น โดยจะต้องระบุความต้องการมาให้กระทรวงศึกษาธิการภายใน 1 เดือน จากนั้นกระทรวงฯ จะนำมาศึกษารายละเอียดเพื่อปรับให้เข้ากับการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาต่อไป ซึ่งหลังจากที่ได้รับข้อเสนอ และความความต้องการของแต่ละสถานบันในจีนแล้ว จะได้วางแผนโครงการที่เหมาะสมต่อการพัฒนาบุคลากร ในปีงบประมาณ 2564 ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมาย การแลกเปลี่ยน การพัฒนาครู นักเรียน จะใช้เวลาอีก 1 ปี ในการคัดเลือกคน ทั้งนี้ สอศ.จะต้องพัฒนาภาษาจีนให้นักเรียนนักศึกษา โดยเน้นกลุ่มธุรกิจที่มีความต้องการ เช่น ระบบราง และการโรงแรม เป็นต้น