นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการคุรุสภาว่า ที่ประชุมได้รับทราบถึงหลักเกณฑ์การประกาศสรรหาเลขาธิการคุรุสภาตัวจริง ที่ได้ส่งข้อมูลการสรรหาไปให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ตรวจสอบถึงความชัดเจนว่าการประกาศการสรรหาเลขาธิการคุรุสภาจะต้องประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาหรือไม่ เนื่องจาก พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 ระบุว่า การประกาศหลักเกณฑ์การสรรหาเลขาธิการคุรุสภาจะต้องประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา โดยเมื่อเร็วๆนี้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตอบกลับมาแล้วว่า การประกาศหลักเกณฑ์การสรรหาเลขาธิการคุรุสภาไม่ต้องประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่สามารถดำเนินการได้ ดังนั้น จากนี้จะมีการเดินหน้า สรรหาเลขาธิการคุรุสภาที่เหมาะสมต่อไป ส่วนการสรรหาที่ดำเนินการไว้แล้วก่อนหน้านี้นั้น ยังไม่ทราบข้อมูล ซึ่งคิดว่าฝ่ายกฎหมายที่เกี่ยวข้องจะต้องดูข้อมูลกระบวนการสรรหาทั้งหมดอย่างรอบด้าน เพราะเป็นกระบวนการสรรหาก่อนที่ตนจะเข้ามาดำรงตำแหน่ง ทั้งนี้คุณสมบัติของเลขาธิการคุรุสภา จะต้องเป็นผู้ที่เหมาสมงานครูและเชื่อมต่อนโยบายของตนและรัฐบาลได้

   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้วางแผนการบริหารจัดการงบประมาณด้านบุคลากรของคุรุสภาไปจนถึงปี 2566 ด้วย ทั้งนี้ในการประชุมดังกล่าวได้มีการพูดถึงการพิจารณาคุณสมบัติในการขอต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ซึ่งเป็นวาระที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานนำเสนอรายชื่อครูคนหนึ่ง เพื่อให้ที่ประชุมอนุมัติการขอต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพให้แก่ครูรายนี้ แต่เมื่อตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบด้านแล้วพบว่า ครูคนดังกล่าวมีคดีความเรื่องเกี่ยวกับเด็กค้างอยู่ จึงไม่เห็นชอบให้มีการอนุมัติการขอต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูได้ โดยตนได้กำชับถึงการขอต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูต่อจากนี้ให้แก่คุรุสภาว่า จะต้องดำเนินการตรวจสอบประวัติครูอย่างเข้มงวด รวมถึงประสานข้อมูลกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการดูประวัติอาชญากรรมของบุคคลด้วย เพราะไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นโรงเรียนได้คนที่มีคดีความติดตัวเข้ามาสอนนักเรียน ดังนั้นจึงอยากให้คุรุสภาดำเนินการเรื่องนี้ให้รอบคอบและหาวิธีป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตั้งแต่ต้นทาง