27-12-2562

กระทรวงสาธารณสุข ห่วงสุขภาพพระสงฆ์ได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 พร้อมเชิญชวนพุทธศาสนิกชนถวายหน้ากากอนามัย

   นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ปัจจุบันฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 มีค่าเกินเกณฑ์มาตรฐานมาตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนเป็นต้นมา และพบว่าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงเช้ามืดและพลบค่ำที่มีอากาศเย็น ทำให้กลุ่มพระสงฆ์ที่ต้องออกบิณฑบาตตอนเช้าเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบนี้ จากข้อมูลของโรงพยาบาลสงฆ์พบว่ามีพระภิกษุได้รับผลกระทบมีอาการอาพาธเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ อาการหอบกำเริบในโรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรังและหอบหืด / หลอดลมอักเสบติดเชื้อและภาวะปอดอับเสบ ส่งผลให้พระสงฆ์อาพาธต้องนอนโรงพยาบาลเพิ่มสูงขึ้นเท่าตัว จากเดิมเฉลี่ย 5 รายต่อเดือน เพิ่มเป็น 11 รายต่อเดือน ในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคมนี้ โดยยังไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลง

   ด้าน นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า สาเหตุส่วนใหญ่ของการหอบกำเริบในโรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรังและหอบหืด เนื่องจากการสูดควัน และฝุ่น PM 2.5 ในช่วงบิณฑบาตตามท้องถนน / ชุมชนตลาด โรงงานต่างๆ ทุกวัน รวมถึงการนั่งยานพาหนะที่เปิดโล่ง เช่น การนั่งซ้อนมอเตอรไซค์ / รถสามล้อ / รถไฟและนอกจากนี้ยังพบว่าพระภิกษุมีอาการหอบกำเริบ ภายหลังการประกอบกิจสงฆ์และงานต่างๆ ภายในวัด เช่น การจุดธูป/ การกวาดขยะมูลสัตว์ที่มีจำนวนมากในวัด / การเผาขยะมูลฝอย / การเผาศพ / การก่อสร้างในวัด และไม่ได้ใส่เครื่องป้องกันเช่นหน้ากากอนามัย จึงนับได้ว่าพระภิกษุสามเณรเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจยังไม่ได้การรณรงค์

   ทั้งนี้ ขอแนะนำให้พระสงฆ์ที่บิณฑบาต รวมทั้งพุทธศาสนิกชนที่ตักบาตรตอนเช้าสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกัน ฝุ่น PM 2.5 และขอเชิญชวนประชาชนทำบุญด้วยการถวายหน้ากากอนามัยแด่พระสงฆ์ เพื่อเป็นการร่วมส่งเสริมสุขภาพพระสงฆ์อีกทาง หากมีข้อสงสัย หรืออาการผิดปกติจากการได้รับควันฝุ่น PM2.5 สามารถปรึกษาได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 2354 4305 ต่อ 5213 ในวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.00 น.- 12.00 น. หรือโทร 0 2354 4305 ต่อ 5121 ในวันเสาร์-อาทิตย์ ตลอด 24 ชั่วโมง