27-12-2562

จัดกิจกรรมรณรงค์สร้างค่านิยมส่งความสุข ปีใหม่ “ให้ของขวัญปลอดภัย งานเลี้ยง ไหนก็ไม่ดื่ม”

   ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพหรือ สสส. เปิดเผยว่า สถิติมอบของขวัญที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีแนวโน้มลดลงทุกปี เห็นได้จากผลสำรวจ พฤติกรรม การเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาล จากโครงการประเมินผลการรณรงค์ “งดเหล้าเข้าพรรษาปี 2562” ของศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ พบว่า มีผู้ที่เคยได้รับของขวัญเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อยู่ร้อยละ 8.8 ซึ่งลดลงร้อยละ 2.5 เมื่อเทียบกับผลสำรวจปี 2561 ที่มีอยู่ร้อยละ 11.3 นอกจากนี้ ในกลุ่ม ที่เคยได้รับ ส่วนใหญ่ร้อยละ 60.9 ได้รับน้อยลง ขณะที่ร้อยละ 33.6 ยังได้รับเป็นปกติ มีเพียงร้อยละ 1.7 เท่านั้นที่ได้รับมากขึ้น ดังนั้นการรณรงค์ในปี 2563 สสส. ยังคงต่อยอดการดำเนินงานเรื่องการ “ให้เหล้า เท่ากับแช่ง” ด้วยการสร้างทัศนคติให้คนไทยมอบของขวัญปลอดภัย เลือกของขวัญสุขภาพที่มีคุณค่าทางใจและมีประโยชน์ด้านสุขภาพต่อผู้รับมากขึ้น เน้นการให้ของขวัญที่ดีที่สุดด้วยการไม่มีเหล้า

   ดร.สุปรีดา กล่าวต่อไปว่า การมอบของขวัญปลอดเหล้านอกจากจะทำให้ผู้รับได้รับของขวัญที่มีคุณค่าทางใจแล้ว ยังลดอัตราการเสียชีวิตจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ที่มีการเจ็บและเสียชีวิตจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกปี จากสถิติปี 2562 พบว่า การบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนที่มีสาเหตุจากการดื่มแอลกอฮอล์มากถึงร้อยละ 43.66

   ด้าน นายธัญเทพ อภิณหวัฒน์ อายุ16ปี ตัวแทนเยาวชนจากวงตะโพนไท โรงเรียนโนนคร้อ จังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า ตนตั้งใจแต่งเพลงกุสุรา โดยได้รับรางวัลเพลงรณรงค์ยอดเยี่ยมจากเครือข่ายงดเหล้า เพลงนี้แต่งขึ้นมาจากสิ่งรอบตัว เห็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาตั้งแต่เด็ก ยายเล่าให้ฟังว่า ตนลืมตาดูโลกได้เพียง 20 วัน พ่อก็เสียชีวิตเพราะเมาแล้วขับ ส่วนเนื้อหาของเพลง อยากสื่อว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับความตายเป็นของคู่กัน น้ำเมาเป็นสิ่งไม่ดี ไม่ควรดื่ม ทำให้ชีวิต ครอบครัว คนรอบข้างมีแต่จะแย่ลงเรื่อย ๆทุกวันนี้ตนจะใช้เวลาอยู่กับดนตรี แต่งเพลง ไม่ได้หวังว่าจะต้องดังมีชื่อเสียงเพียงแต่ต้องการพื้นที่สร้างสรรค์ ต้องการแสดงออก เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ไม่เอาเวลาไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข

   ขณะที่ นางสาวอนงค์ ทับทิมเทศ อายุ 31 ปี เหยื่อเมาแล้วขับ กล่าวว่า กว่า 16 ปี ที่ต้องกลายเป็นคนพิการ เพราะถูกคนเมาขับรถเก๋งพุ่งมาชนขณะขี่มอเตอร์ไซค์ ต้องนั่งวีลแชร์ไปตลอดชีวิต รักษาตัวในโรงพยาบาลนาน 6 เดือน คู่กรณีไม่เคยมาเยี่ยม สู้คดีกว่าจะสิ้นสุด ส่วนเงินเยียวยาเทียบไม่ได้กับสิ่งที่สูญเสียไป ทั้งนี้ กว่า 2 ปี ที่ต้องเก็บตัวเงียบ ไม่คุยกับใครไม่อยากเจอใคร ใช้ชีวิตลำบาก เคลื่อนย้ายตัวเองไปรถเข็นยังทำไม่ได้ เคยคิดสั้นหลายครั้ง เพราะไม่อยากเป็นภาระพ่อ สุดท้ายกำลังใจจากพ่อที่ไม่เคยทิ้งเรา ทำให้ลุกขึ้นมาสู้นับหนึ่งใหม่ได้อีกครั้ง ทั้งนี้อยากฝากถึงคนที่ดื่มแล้วขับ ให้ใช้สติบนพื้นฐานของความไม่ประมาท และต้องคำนึงถึงเพื่อนร่วมทาง