20-01-2563

สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย พร้อมเครือข่ายผู้ปกครอง ยื่นหนังสือถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

   นายสมวงศ์ อุไรวัฒนา รองผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า ตั้งแต่มี พ.ร.บ. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559 มีนักเรียน/นักศึกษาปรึกษาเรื่องที่ถูกสถานศึกษาบังคับให้ออกจากสถานศึกษาด้วยวิธีการต่าง ๆ ไม่ต่ำกว่า 10 ราย มูลนิธิฯ จึงตัดสินใจเปิดศูนย์รับเรื่องร้องเรียนโดยผ่าน สายด่วน 1663 และภาคีภาคประชาสังคมในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วภูมิภาคตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2562 ซึ่งพบว่าจากการเปิดสายด่วน 1663 มีผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อมมาปรึกษาเฉลี่ยปีละประมาณ 30,000 ราย และ ร้อยละ 30 เป็นวัยรุ่นที่อายุต่ำกว่า 20 ปี

   ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการ เป็น 1 ใน 6 กระทรวงหลัก ที่พระราชบัญญัติ หรือ พ.ร.บ. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นได้กำหนดหน้าที่และบทบาทสำคัญไว้ โดยกฎกระทรวงของ ศธ.กำหนดไว้อย่างชัดเจนในข้อ 7 เกี่ยวกับนักเรียนนักศึกษาที่ตั้งครรภ์ในสถานศึกษาว่า ต้องไม่ให้นักเรียนนักศึกษาออกจากสถานศึกษาดังกล่าว แต่จากการเปิดบริการของสายด่วน 1663 ที่ให้คำปรึกษาเรื่องเอดส์และท้องไม่พร้อมมาอย่างต่อเนื่อง มีนักเรียน/นักศึกษาปรึกษาเรื่องถูกบังคับให้ออกจากสถานศึกษาด้วยวิธีการต่าง ๆ ไม่ต่ำกว่า 10 ราย โดยมีเหตุผลหลักอยู่ 2 ข้อ ประกอบด้วย ข้อที่ 1 นักเรียน/นักศึกษาผิดกฎสถานศึกษา และข้อที่ 2 ประพฤติตัวทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของโรงเรียน ซึ่งการที่ผู้บริหารสถานศึกษาบังคับให้เด็กออกจากสถานศึกษาหรือให้ย้ายสถานศึกษาโดยผู้เรียนไม่ได้สมัครใจ ส่งผลให้เกิดความทุกข์ต่อนักเรียนและครอบครัวอย่างมาก เป็นการสร้างวิกฤติ ซ้ำเติมให้กับนักเรียนมากกว่าการช่วยเหลือและแก้ไขให้เด็กที่พลาดมีโอกาสเดินหน้าต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง และถือเป็นการกระทำที่ละเมิดกฎหมายอย่างชัดเจน

   รองผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องในโอกาสวันครู วันที่ 16 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา จึงขอให้ทาง กระทรวงศึกษาธิการแจ้งไปยังสถานศึกษาทุกแห่งให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2559 อย่างจริงจัง และหากมีสถานศึกษาใดไม่ปฏิบัติหรือหลีกเลี่ยง ใช้วิธีการทั้งทางตรงและทางอ้อมในการบีบบังคับให้นักเรียน นิสิตนักศึกษาต้องออกจากสถานศึกษาหรือ ย้ายสถานศึกษาอันเนื่องจากการตั้งครรภ์ โดยไม่ได้เป็นไปตามความสมัครใจของนักเรียนและครอบครัว ให้มีมาตรการในการลงโทษผู้บริหารสถานศึกษาอย่างเด็ดขาด ซึ่งจะเป็นการส่งสัญญาณว่า กระทรวงศึกษาธิการให้ความสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นตาม พ.ร.บ.และกฎกระทรวงอย่างจริงจัง

   ด้าน นายธีร์ ภวังคนันท์ รักษาการ ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการมีศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือ เด็กนักเรียน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ฉก.ชน.สพฐ.) เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาเรื่องนี้อยู่แล้ว และได้มีการทำงานร่วมกับทางมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ สายด่วนปรึกษาเอดส์และท้องไม่พร้อม แต่ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่ามีปัญหาเรื่องการประสานงานร่วมกัน เพราะทาง สพฐ.มีข้อมูลส่วนหนึ่ง และทางมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ สายด่วนฯมีข้อมูลส่วนหนึ่ง แต่ไม่ได้นำข้อมูลมาแลกเปลี่ยนร่วมกัน ดังนั้น เมื่อเกิดปัญหา สพฐ.จะรับรู้ในส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งหากทางมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ มีข้อมูลขอให้แจ้งมายัง สพฐ. เพื่อจะได้ช่วยเหลือเด็ก และดูแลให้เป็นไปตามมาตรการที่ สพฐ.วางไว้