นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ร่วมกับภาคเอกชน ได้รณรงค์ช่วงวันสงกรานต์ จัดระบบบริการประชาชนช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยทำงานเชิงรุกเคาะประตูบ้านประชาชนกลุ่มเสี่ยง เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจ ติดตามในทุกเรื่อง โดยการดำเนินการ “ค้นให้พบ จบใน 14 วัน” ของ อสม. เคาะประตูบ้านกว่า 11 ล้านครัวเรือน เฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ เดินทางมาจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ไปร่วม/ใกล้ชิดกับกลุ่มคนในพื้นที่เสี่ยง โดยอยู่ระหว่างการติดตามกลุ่มเสี่ยงกว่า 369,000 คน รัฐบาล ได้สนับสนุนวัสดุอุปกรณ์สำหรับ อสม. ในการปฏิบัติงาน ค้นหา ป้องกัน และเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา ในเขตชุมชน ตลอดจนช่วยเหลือดูแลด้านสวัสดิการ สำหรับ อสม.ในการปฏิบัติงานค้นหา ป้องกันและเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาในชุมชน โดยสนับสนุนกรมธรรม์ประกันชีวิต หรือประกันสุขภาพ ให้ อสม.ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ

   ด้าน นายแพทย์สมชาย ตรีทิพย์สถิตย์ ผู้อำนวยการกองสร้างเสริมสุขภาพ สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขณะนี้ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเตียงที่สามารถรองรับกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง 1,973 เตียง เป็นภาคเอกชน 1,040 เตียง คิดเป็นร้อยละ 52.7 ขณะที่มีผู้ป่วยที่อยู่กับภาคเอกชน 333 ราย คิดเป็นร้อยละ 49 หากสถานการณ์เดือนเมษายน- เดือนพฤษภาคม ยังเพิ่มขึ้นจะได้เตรียมเตียงเพิ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนภาครัฐต่อไป นอกจากนี้ กำลังสร้างโรงพยาบาลสนาม ย่านบางซื่อ ซึ่งขณะนี้ใกล้เสร็จแล้ว ส่วนโรงแรมที่จะมาร่วมกับภาครัฐ ใช้เป็นสถานที่กักตัวของกลุ่มเสี่ยงเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีแล้วกว่า 10,000 เตียง