29-04-2563

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมคิดค้นการตรวจหาเชื้อ COVID-1

   นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ / ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และ รองศาสตราจารย์ ดร.พลังพล คงเสรี คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมให้ข้อมูลแก่สื่อมวลชนเกี่ยวกับความสำเร็จในการคัดกรองผู้ติดเชื้อ COVID-19 จากน้ำลายและการใช้เทคโนโลยี LAMP PCR ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลปัจจุบัน การวินิจฉัยการติดเชื้อ COVID-19 ใช้ตัวอย่างตรวจจากทางเดินหายใจส่วนต้น โดยการเก็บตัวอย่างตรวจจากโพรงหลังจมูก และลำคอ โดยการเก็บสิ่งส่งตรวจนั้นต้องใช้อุปกรณ์การเก็บ ซึ่งเก็บสิ่งส่งตรวจโดยบุคลากรทางการแพทย์ ผู้รับการตรวจอาจมีความระคายเคืองและเจ็บจากการเก็บสิ่งส่งตรวจ ซึ่งบุคลากรผู้เก็บตัวอย่างมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ อีกทั้งการขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล ในช่วงที่มีการระบาดของ COVID-19 ยังเป็นปัญหาทั่วโลก จากการทบทวนวรรณกรรมพบว่าต่อมน้ำลายมีตัวรับ ของเชื้อ SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นสาเหตุของ COVID-19 และพบว่าในผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันการวินิจฉัยโรค COVID-19 แล้ว สามารถตรวจพบเชื้อได้ในน้ำลายในช่วงที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล จึงเป็นที่มาของการศึกษานี้ โดยคณะผู้วิจัยต้องการศึกษาความสามารถของการใช้น้ำลายเพื่อการวินิจฉัย COVID-19 ซึ่งคณะผู้วิจัยได้เก็บตัวอย่างน้ำลาย และตัวอย่างตรวจจากโพรงหลังจมูกและลำคอ จากผู้เข้ารับการตรวจที่คลินิกโรคระบบทางเดินหายใจ (ARI clinic) ในโรงพยาบาลรามาธิบดี ที่อายุมากกว่า 18 ปี มีอาการทางเดินหายใจและเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังและสอบสวนผู้ป่วย COVID-19 ในช่วงที่มีการระบาดของ COVID-19 ในกรุงเทพมหานคร จำนวน 200 ราย โดยให้ผู้เข้ารับการตรวจบ้วนน้ำลายใส่กระป๋องก่อนทำการเก็บตัวอย่างมาตรฐาน คือ ตัวอย่างจากโพรงหลังจมูกและลำคอ และนำมาตรวจหาเชื้อ SARS-CoV-2 ด้วยการทดสอบ RT-PCR ในตัวอย่างน้ำลาย จากการศึกษานี้พบเชื้อ SARS-CoV-2 จากการตรวจจากตัวอย่างมาตรฐาน 19 ราย ร้อยละ 9.5 และตรวจพบ SARS-CoV-2 จากการตรวจตัวอย่างน้ำลาย 18 ราย ร้อยละ 9.0 โดยเมื่อเปรียบเทียบกับวิธีมาตรฐานพบว่าการทดสอบ RT-PCR ในน้ำลาย มีความไว ร้อยละ 84.2 / ความจำเพาะ ร้อยละ 98.9 และมีความสอดคล้องของผลตรวจ ร้อยละ 97.5

   ซึ่งจากผลการศึกษาพบว่าการใช้น้ำลายเพื่อเป็นตัวอย่างในการตรวจวินิจฉัย COVID-19 มีความไวและความจำเพาะสูง การเก็บน้ำลายเพื่อเป็นตัวอย่างในการตรวจวินิจฉัย COVID-19 มีความเป็นไปได้ในการนำไปต่อยอดในการค้นหาผู้ป่วยในชุมชน และสถานที่ที่มีทรัพยากรจำกัด เนื่องจากการตรวจมีความสะดวก และสามารถเก็บตัวอย่างได้รวดเร็วในกลุ่มประชากรจำนวนมากได้ อีกทั้งยังสามารถลดการใช้ PPE และอุปกรณ์เก็บสิ่งส่งตรวจ คณะผู้วิจัยกำลังดำเนินการศึกษาวิธีการตรวจหาการติดเชื้อ SARS-CoV-2 ที่มีความไวสูง เพื่อเป็นเครื่องมีในการวินิจฉัย COVID-19 ที่ดียิ่งขึ้นต่อไป