25-05-2563

สสส. ร่วมกับ ตำรวจภูธรภาค 4 หนุน “กองร้อยน้ำหวาน” ปรับภารกิจเสริมทัพตำรวจดูแล คัดกรองช่วงโควิด-19

   นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. กล่าวว่า ที่ผ่านมา สสส. ผลักดันให้คณะทำงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) และตำรวจภูธรภาค 4 จัดตั้งอาสาสมัครจราจรหญิง ที่เรียกกันว่า “กองร้อยน้ำหวาน” ซึ่งมีภารกิจในการช่วยสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลความสงบเรียบร้อยในชุมชน โดยเฉพาะภารกิจเรื่องการดูแลการใช้รถใช้ถนนของคนในชุมชนให้ปลอดภัย แต่ปัจจุบันสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ทุกพื้นที่ต้องเข้มงวดตรวจตราตามคำสั่งของกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมา กองร้อยน้ำหวานจึงปรับรูปแบบการทำงานให้เข้ากับสถานการณ์ ด้วยการเข้ามามีส่วนร่วมเป็นแนวหน้าตรวจคัดกรองผู้เดินทางเข้าออกในชุมชน ช่วยผ่อนงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตรวจรักษาการไม่ให้มีประชาชนออกนอกเคหะสถานในช่วงประกาศใช้เคอร์ฟิว

   ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สสส. กล่าวต่อไปว่า นอกจากกองร้อยน้ำหวานจะช่วยตำรวจและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข คัดกรองผู้ที่อาจติดเชื้อโควิด-19 แล้ว ยังช่วยสกัดยับยั้ง การกระทำความผิดในรูปแบบอื่นๆ ได้ อาทิ เมาแล้วขับ /การใช้ยาเสพติด /ไม่สวมหมวกนิรภัย และอื่น ๆ รวมถึงคนในชุมชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือ และเชื่อฟังคำตักเตือนกองร้อยน้ำหวาน เนื่องจากเป็นบุคคล ที่คนในชุมชนนับถือ จึงมีความคุ้นเคยเกรงใจกัน และเนื่องจากกองร้อยน้ำหวานเป็นผู้หญิง เป็นกลุ่มแม่บ้าน หรือคุณป้า ที่สามารถตรวจเตือนคนในชุมชนที่เป็นผู้ชายได้ ซึ่งช่วยลดการกระทบทั่งจากกรณีไม่ยอมให้ตรวจค้นได้

   ด้าน พลตำรวจตรีอานนท์ นามประเสริฐ หัวหน้าสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจร (สอจร.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน กล่าวว่า ตำรวจภูธรภาค 4 ร่วมกับ สสส. สร้างเครือข่ายเป็นกองกำลังเข้ามาแก้ปัญหาชุมชน ภายใต้ปรัชญาที่ว่า “ปัญหาที่เกิดในชุมชน ต้องดึงชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา”จึงเกิดการคัดเลือกอาสาสมัครหญิงอายุไม่เกิน 60 ปี เข้ามาฝึกอบรมด้านการจัดการ การอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและยุทธวิธีตำรวจ เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานตำรวจในชุมชน โดยมีตำรวจชุมชนเป็นพี่เลี้ยง ทั้งนี้ กองร้อยน้ำหวานจะเป็นกองกำลังของชุมชน ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะ อย่างยิ่งอุบัติเหตุจราจรจากปัญหาเมาแล้วขับ ไม่สวมหมวกนิรภัย ปัจจุบันกองร้อยน้ำหวานในภาคอีสานตอนบนมีสมาชิก 2,000 กว่าคน กระจายอยู่ใน 12 จังหวัด อาทิ จังหวัดขอนแก่น /จังหวัดอุดรธานี /จังหวัดกาฬสินธุ์ /จังหวัดร้อยเอ็ด /จังหวัดมหาสารคาม /จังหวัดสกลนคร /จังหวัดมุกดาหาร /จังหวัดนครพนม /จังหวัดบึงกาฬ /จังหวัดหนองคาย /จังหวัดหนองบัวลำภู และจังหวัดเลย

   พลตำรวจตรีอานนท์ กล่าวเพิ่เติมว่า แม้สัญญาณการระบาดจะเริ่มดีขึ้น แต่กองร้อยน้ำหวานจะยัง ไม่หยุดทำหน้าที่ โดยในอนาคตตำรวจภูธรภาค 4 และพื้นที่อื่น ๆ จะหารือร่วมกับ สสส. เพื่อดึงเอาภาคีเครือข่ายภาครัฐมาร่วมสนับสนุนการอบรมเพิ่มพูนความรู้ทางวิชาการให้กับผู้ปฏิบัติงาน ทั้งเรื่องการป้องกันอุบัติเหตุและภัยพิบัติต่าง ๆ โดยเฉพาะทักษะการเขียนรายงานผลการปฏิบัติงานอย่างละเอียด เพื่อนำข้อมูล ไปวิเคราะห์สร้างระบบดูแลความปลอดภัยในชุมชนให้ดีขึ้น และเพิ่มความรู้ให้กองรอยน้ำหวานสามารถเก็บข้อมูลในพื้นที่เพื่อนำมาวางแผนป้องกันได้ต่อไปด้วย พร้อมกับจะส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันภายในจังหวัดและข้ามจังหวัด เพื่อสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานให้เข้มข้นมากขึ้น.