08-06-2563

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศเตือนประชาชนในการป้องกันโรคและ ภัยสุขภาพ 5 กลุ่ม เพื่อให้ประชาชนดูแลสุขภาพอนามัยอย่างถูกต้อง รวมทั้งการร่วมมือของชุมชน และท้องถิ่นเป็นปัจจัยสำคัญ ทำให้ห่างไกลจากโรคต่าง ๆ และมีสุขภาพดีในช่วง หน้าฝนนี้

   นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ ฤดูฝนแล้ว หากประชาชนดูแลรักษาสุขภาพไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ ได้นั้น กรมควบคุมโรค จึงได้ออกประกาศกรมควบคุมโรค เรื่อง การป้องกันโรคและภัยสุขภาพที่เกิดในช่วงฤดูฝนของประเทศไทย พ.ศ.2563 เพื่อให้ประชาชนโดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุดูแลสุขภาพอนามัยของตนเองได้อย่างถูกต้อง โดยโรคและภัยสุขภาพที่มีแนวโน้มจะพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในฤดูฝน แบ่งเป็น 5 กลุ่ม ประกอบไปด้วย กลุ่มที่ 1 โรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ อาทิ โรคไข้หวัดใหญ่ พบได้ทุกกลุ่มอายุ ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว / โรคปอดอักเสบ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย พบผู้ป่วยได้ทุกกลุ่มอายุ ติดต่อทางการสัมผัสน้ำมูก น้ำลายหรือไอจามรดกัน ซึ่งทั้งสองโรคสามารถป้องกันได้ด้วยการรักษาสุขภาพ พักผ่อน ให้เพียงพอ ทำร่างกายให้อบอุ่น หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น และสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยทุกครั้ง เมื่อต้องคลุกคลีกับผู้อื่น // กลุ่มที่ 2 เป็นโรคติดต่อทางเดินอาหารและน้ำ อาทิ โรคอุจจาระร่วง เกิดจากการรับประทานอาหารหรือน้ำที่มีการปนเปื้อนเชื้อโรคเข้าไป ผู้ป่วยจะมีอาการถ่ายเหลวหรือถ่ายเป็นน้ำ 3 ครั้งขึ้นไปต่อวัน / โรคอาหารเป็นพิษ มักพบผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อน โดยทั่วไปมีอาการเล็กน้อยไม่รุนแรง มักจะหายได้เองภายใน 24-48 ชั่วโมง / โรคอหิวาตกโรค ติดต่อโดยการรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ มีอาการถ่ายเหลวเป็นน้ำ คลื่นไส้ อาเจียน บางรายมีภาวะขาดน้ำรุนแรง และอาจเสียชีวิตได้ สำหรับการป้องกันกลุ่มโรคทางเดินอาหารและน้ำ คือ ล้างมือ ให้สะอาดทั้งก่อนและหลังการประกอบอาหาร รับประทานอาหาร หรือหลังจากการเข้าห้องน้ำทุกครั้ง ดื่มน้ำสะอาด น้ำต้มสุกหรือน้ำบรรจุขวดที่มีฝาปิดสนิท รับประทานอาหารที่สะอาดและปรุงสุกใหม่ หากต้องการรับประทานอาหารค้างมื้อ ควรอุ่นให้ร้อนก่อนรับประทานทุกครั้ง และไม่ควรรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ หรืออาหารที่มีแมลงวันตอม // กลุ่มที่ 3 โรคติดต่อนำโดยยุงลาย อาทิ โรคไข้เลือดออก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเด็งกี ที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูก มีจุดแดงที่ผิวหนัง หากอาการรุนแรงจะเกิดภาวะช็อกได้ / โรคไข้ปวดข้อยุงลายหรือโรคชิคุนกุนยา เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา มียุงลายสวน และยุงลายบ้านเป็นพาหะนำโรค พบได้ทุกกลุ่มอายุ อาการจะคล้ายกับโรคไข้เลือดออก แต่ต่างกันที่ไม่มีการรั่วของพลาสมาออกนอกเส้นเลือด จึงไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมากจนถึงมีอาการช็อก ทั้งสองโรคสามารถป้องกันได้ด้วยการไม่ให้ถูกยุงกัด และกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง // กลุ่มที่ 4 โรคติดต่อที่สำคัญอื่น ๆ ในช่วงฤดูฝน อาทิ โรคเลปโตสไปโรซิสหรือโรคฉี่หนู เป็นโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน พบได้ ทุกเพศทุกวัย แต่จะพบบ่อยในผู้มีอาชีพเกษตรกรรมที่ต้องสัมผัสกับดินหรือน้ำอยู่เป็นประจำ อาการที่พบบ่อย ประกอบด้วย มีไข้สูง ปวดศีรษะรุนแรง หนาวสั่น ตาแดง และปวดกล้ามเนื้อน่องอย่างรุนแรง การป้องกันคือ หลีกเลี่ยงการทำงานที่ต้องลุยน้ำย่ำโคลนเป็นเวลานาน หากจำเป็นควรสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม ทุกครั้ง อาทิ สวมรองเท้าบูทยาว ถุงมือยาว และ โรคมือ เท้า ปาก เป็นโรคติดต่อที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก จากการสัมผัสโดยตรงกับน้ำมูก น้ำลาย ผื่น ตุ่มน้ำใส หรืออุจจาระของผู้ป่วย อาการผู้ป่วยคือ จะมีแผลหรือ ตุ่มในช่องปาก กระพุ้งแก้ม มีผื่นแดงหรือตุ่มบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และอาจพบที่แขน ขา หรือก้น ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง และหายเองได้ สำหรับการป้องกัน ผู้ปกครองและครูควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของ บุตรหลาน และคุณครูผู้ดูแลเด็กควรตรวจคัดกรองโรคในเด็กทุกคน หากพบว่ามีอาการสงสัยป่วย ให้แยกเด็กป่วยออกจากเด็กปกติทันที รีบพาไปพบแพทย์ และให้หยุดเรียนจนกว่าจะหายดี // และกลุ่มสุดท้าย กลุ่มที่ 5 ภัยสุขภาพ อาทิ การบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการจมน้ำ ผู้ปกครองควรดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด ให้ตระหนักถึงอันตรายจากการจมน้ำ ให้ความรู้แก่เด็กในการเอาตัวรอด และวิธีการช่วยเหลือคนจมน้ำอย่างถูกวิธี ชุมชน ควรมีป้ายเตือน ทำเครื่องป้องกัน ทำรั้วล้อมรอบแหล่งน้ำ / การบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการถูกฟ้าผ่า เมื่อมีฝนตกฟ้าคะนอง ให้หลบในที่ปลอดภัย อาทิ อาคารขนาดใหญ่ ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือกลางแจ้งในขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง เนื่องจากจะเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้าเข้ามาในโทรศัพท์มือถือได้ / อันตรายจากการถูกสัตว์มีพิษกัด ควรจัดบ้านให้สะอาด ไม่ให้เป็นที่หลบซ่อนของสัตว์มีพิษ ระวังเมื่อต้องเข้าไปในที่รก กอหญ้า หรือกองไม้ หากถูกงูพิษกัด ต้องรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที และจำลักษณะชนิดของงูที่กัด เพื่อการให้เซรุ่มพิษงูได้ถูกต้องและรวดเร็ว และอันตรายจากการกินเห็ดพิษ หากไม่มั่นใจว่าเป็นเห็ดพิษหรือเห็ดที่รับประทานได้ ไม่ควรนำมารับประทาน หรืออาจเลือกรับประทานเห็ดที่มาจากการเพาะขยายพันธุ์ อาทิ เห็ดนางฟ้า และ เห็ดฟาง

   นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมควบคุมโรค ได้จัดทำประกาศแจ้งเตือนให้ระวังโรคและ ภัยสุขภาพไปยังหน่วยงานในพื้นที่ ประกอบด้วย สำนักงานป้องกันควบคุมโรคทั้ง 12 แห่ง และสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง พร้อมสั่งการหน่วยงานในสังกัด เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ของโรคร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด เพื่อควบคุม ป้องกัน การแพร่ระบาดของโรคติดต่อ รวมถึงสื่อสารและประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชน เพื่อลดการเจ็บป่วยและเสียชีวิตของประชาชนให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ ประชาชนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422