ดร.นเรศ ดำรงชัย ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์หรือ ทีเซลส์ (TCELS) เปิดเผยว่า ทีเซลส์ให้การสนับสนุนและผลักดันโครงการ “Life Sci. Level Up Challenge 2020” (ไลฟ์ ไซ เลเวล อัพ ชาเลนจ์ 2020 ) กิจกรรมส่งเสริมและบ่มเพาะกลุ่มนักวิจัยและบริษัทสตาร์ทอัพ ด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์และสุขภาพรายใหม่ มาอย่างต่อเนื่อง โดยครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 แล้ว เพื่อส่งเสริมและพัฒนาให้เกิดผู้ประกอบการรายใหม่ด้านชีววิทยาศาสตร์ ให้มีความเข้มแข็งสามารถแข่งขันได้ทั้งในระดับภูมิภาคและสากล อีกทั้งยังเป็นการขยายการค้า การลงทุน และเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจทางการตลาดในอุตสาหกรรมชีววิทยาศาสตร์ของประเทศ โดยปีนี้จะมุ่งเน้นการพัฒนาส่วนที่ผู้ประกอบการแต่ละรายที่ยังมีจุดอ่อน หรือต้องการพัฒนา ส่วนใดส่วนหนึ่ง เพื่อเติมเต็มศักยภาพของทีมตนเองให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากเดิม

   ความโดดเด่นของกิจกรรมนี้ คือ มุ่งพัฒนาศักยภาพให้กับทั้งกลุ่มนักวิจัยและบริษัทสตาร์ทอัพ ด้านชีววิทยาศาสตร์ ที่มุ่งเน้นความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ไม่ว่าจะเป็นไบโอเทค, ฟาร์มาซูติคอล, เครื่องมือแพทย์, การวินิจฉัยโรค, เครื่องสำอาง-อาหารเสริม เป็นต้น ควบคู่ไปกับการเสริมความรู้และทักษะ ในการประกอบธุรกิจ ด้านการตลาด ด้านกฎหมายเฉพาะ โดยนักวิชาชีพที่มีประสบการณ์ร่วมกับกลไก การวิเคราะห์แผนการดำเนินธุรกิจจากกลุ่มเมนเทอร์ในสาขาความเชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง

   ในปีนี้มีนักวิจัยและบริษัทสตาร์ทอัพ สนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 47 ทีม และผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 27 ทีม ซึ่งหลังจากนี้ ทางโครงการจะวิเคราะห์ศักยภาพของทีม เพื่อวางแผนพัฒนา เฉพาะจุดให้กับทีมที่ผ่านการคัดเลือก และทั้งหมดยังได้รับการพัฒนาศักยภาพที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพในระยะแรก จำนวน 12 ชั่วโมง จากนั้น จะเป็นการพัฒนาศักยภาพเฉพาะกลุ่มธุรกิจชีววิทยาศาสตร์ ในแต่ละกลุ่มระยะที่สอง จำนวน 12 ชั่วโมง และระยะที่สาม จะเป็นการพัฒนาตามความต้องการของแต่ละทีมในประเด็นต่าง ๆ ที่เน้นการแก้จุดด้อย เสริมจุดเด่น จำนวนไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง จากนักวิชาการและ นักวิชาชีพที่มีประสบการณ์ เมื่อทุกทีมได้รับการพัฒนาศักยภาพแล้ว จะมีการจัดประกวดแผนธุรกิจที่แต่ละทีม

   สร้างขึ้น ในช่วงกลางเดือนกันยายนปีนี้ โดยทีมที่ได้รับรางวัลการประกวดแผนธุรกิจ 5 ทีมสุดท้าย จะพิชิตโอกาสทางธุรกิจมูลค่ารวมกว่า 300,000 บาท ซึ่งเชื่อมั่นว่า ทีมที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ จะสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจให้เกิดขึ้นได้ จากการสร้างเครือข่ายของผู้ประกอบการสตาร์ทอัพทางการแพทย์และสุขภาพต่อไป