09-09-2563

กรมควบคุมโรค เตือน “กลอย” ในช่วงฤดูฝนมีความเป็นพิษสูง ประชาชนไม่ควรรับประทาน

   นายแพทย์ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์อาหารเป็นพิษจากพืชในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน ปี 2559-2563 พบเหตุการณ์อาหารเป็นพิษจากการรับประทานกลอย รวม 11 เหตุการณ์ พบผู้ป่วยทั้งสิ้น 172 ราย เสียชีวิต 2 ราย ผู้มีอาการรุนแรงเข้ารักษาในโรงพยาบาล 36 ราย เหตุการณ์ส่วนใหญ่เกิดในเดือนสิงหาคม รองลงมาคือธันวาคม กันยายน และ มีนาคม ส่วนภูมิภาค ที่พบเหตุการณ์สูงสุด คือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ผลการสอบสวนโรคพบว่า ผู้ปรุงกลอยคาดว่ามีการล้างขจัดสารพิษจากแหล่งที่ขายมาแล้ว จึงไม่ได้ทำการขจัดสารพิษอีกครั้งก่อนที่จะนำมาปรุงอาหาร กรมควบคุมโรค เป็นห่วงประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน ที่นิยมนำกลอยมาประกอบเป็นอาหาร ซึ่งในสมัยก่อนมีวิธีการล้างพิษกลอยด้วยการฝานหัวกลอยเป็นชิ้นบางๆแล้วนำมาแช่น้ำไหล เช่น ในลำธาร ซึ่งต้องใช้เวลาชะล้างสารพิษไม่ต่ำกว่า 7 วัน หรืออีกวิธีหนึ่งคือนำไปแช่ในน้ำเกลือเข้มข้น โดยเกลือจะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนสารไดออสคอรีนในแผ่นกลอยได้เร็วขึ้น แต่ต้องถ่ายน้ำทิ้งหลายๆ ครั้ง และใช้เวลาแช่ไม่ต่ำกว่า 3 วัน ซึ่งการรับประทานกลอยให้ปลอดภัยต้องผ่านกรรมวิธีหลาย ขั้นตอน และต้องมีความชำนาญในการล้างพิษเป็นพิเศษ สำหรับสารไดออสคอรีนในกลอยจะผลต่อประสาทสัมผัสทั้ง 5 ดังนั้นคนที่รับประทานกลอยที่มีสารพิษเข้าไปจึงมักมีอาการ คันที่ปาก ลิ้น คอ คลื่นไส้ อาเจียน และทำให้เกิดอาการ มึนเมา วิงเวียน ใจสั่น ตาพร่ามัว อึดอัด และอาจเป็นลมหมดสติได้ ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับพิษ จะมีอาการรุนแรงไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปริมาณสารพิษ ความต้านทานของแต่ละคน โดยมีการศึกษาพบว่าปริมาณสารพิษของหัวกลอยในแต่ละฤดูกาลจะแตกต่างกัน และพบว่ากลอยจะมีพิษมากในช่วงที่กลอย ออกดอกคือช่วงหน้าฝนประมาณเดือนสิงหาคม – ตุลาคม จึงทำให้ผู้ที่รับประทานกลอยในช่วงฤดูฝน จะเป็นอันตรายมากยิ่งขึ้นและข้อมูลจาก ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ พบว่า “กลอย” มีลักษณะทั่วไปเป็นไม้เถา มีหัวใหม่เกิดขึ้นทุกปีจากส่วนลำต้นใต้ดิน หัวมีขนาดต่างๆกันผิวสีฟางหรือเทา เนื้อในสีขาวถึงขาวนวล ในหัวกลอยมีแป้งและมีสารพิษที่ชื่อว่าไดออสคอรีนพิษชนิดนี้จะมีฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง เนื่องด้วยสารไดออสคอรีนเป็นสารพิษที่สามารถละลายน้ำได้ดี ดังนั้นหากเอาน้ำละลายสารพิษออกมาได้หมดก็สามารถรับประทานได้

   ทั้งนี้ แม้จะมีวิธีกำจัดพิษกลอยที่มีมาแต่โบราณ แต่ก็ยังไม่มีวิธีการใดที่บอกได้แน่ชัดว่ากลอย จะหมดพิษหรือไม่ด้วยการสังเกตจากลักษณะภายนอก ดังนั้นการแช่น้ำไว้หลายวัน หรือการตั้งข้อสังเกตตามคนส่วนใหญ่ที่เชื่อว่าการล้างกลอยไปเรื่อยๆจนกว่าเมือกที่ผิวกลอยจะหมดนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ยืนยันได้ 100% ว่าจะไม่มีพิษหลงเหลืออยู่ เพราะสารพิษที่ยังอยู่ภายในเนื้อกลอยอาจยังไม่ซึมออกมาข้างนอก ดังนั้นจึงขอเตือนให้ระมัดระวังและไม่ควรรับประทานกลอยในช่วงฤดูฝน และไม่ควรให้เด็กรับประทานกลอยจะดีที่สุด เนื่องจากเด็กมีน้ำหนักตัวน้อย สารพิษกระจายตัวในร่ายกายเร็วกว่าผู้ใหญ่ อีกทั้งเวลาที่เกิดอาการข้างเคียง เด็กจะไม่เข้าใจ หรือสงสัย ด้วยรสชาติกลอยที่มีรสมันเหมือนกินถั่ว ทำให้รู้ตัวเมื่อแสดงอาการมากแล้ว จึงค่อนข้างอันตรายสำหรับเด็ก และที่สำคัญหากรับประทานแล้วเกิดอาการผิดปกติให้รีบพบแพทย์ทันที ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422