21-09-2563

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม หารือแนวทางการขับเคลื่อนประเทศไทยในมิติวัฒนธรรม สู่การสร้างมูลค่า และสร้างชาติเข้มแข็งอย่างยั่งยืน

   นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการประชุม เชิงปฏิบัติการ “แนวทางการขับเคลื่อนประเทศไทยในมิติวัฒนธรรม สู่การสร้างคุณค่า สร้างมูลค่า และสร้างชาติเข้มแข็งอย่างยั่งยืน”และบรรยายพิเศษ “การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในมิติวัฒนธรรม” โดยมีผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด 76 จังหวัด และกลุ่มพิธีการศพ ที่ได้รับพระราชทาน กว่า 300 คน เข้าร่วม นายอิทธิพล คุณปลื้ม กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี เพื่อพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมมาภิบาล โดยใช้เป็นกรอบจัดทำแผนต่างๆให้สอดคล้องและบูรณาการกันเพื่อให้เกิดเป็นพลังผลักดันร่วมกันไปสู่การปฏิบัติให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ดังนั้นเพื่อให้การขับเคลื่อนงานของกระทรวงวัฒนธรรม เป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาประเทศ คือ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข เศรษฐกิจพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สังคมเป็นธรรม ฐานทรัพยากรธรรมชาติยั่งยืน กระทรวงวัฒนธรรมจึงจัดโครงการประชุมนี้ขึ้น เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับทิศทางการพัฒนาประเทศในมิติวัฒนธรรมการจัดทำแผนงาน โครงการที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ รวมถึงเพื่อถ่ายทอดนโยบายการขับเคลื่อนงานด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมในพื้นที่ของส่วนราชการและองค์การมหาชน ในปีงบประมาณ พ.ศ.2565

   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวต่อไปว่า สำหรับการจัดโครงการดังกล่าวนี้ถือเป็นแนวทางการขับเคลื่อนประเทศไทยในมิติวัฒนธรรม สู่การสร้างคุณค่า สร้างมูลค่า และสร้างชาติเข้มแข็งอย่างยั่งยืนในครั้งนี้ จะทำให้การขับเคลื่อนงานในมิติวัฒนธรรม ทั้งด้านการสืบสานงานวัฒนธรรมของชาติ การรักษาและหวงแหนมรดกทางวัฒนธรรม การต่อยอดทุนทางวัฒนธรรม ด้วยการนำคุณค่าของวัฒนธรรม สร้างสรรค์สินค้าและบริการมาสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวและบริการทางวัฒนธรรม และการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ด้วยหลักธรรมาภิบาลในพื้นที่ มีความชัดเจน เป็นรูปธรรม ตอบตัวชี้วัดแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติมากยิ่งขึ้น รวมถึงยังได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างพื้นที่ เพื่อถอดบทเรียนไปสู่การพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน และประเทศชาติต่อไป