02-10-2563

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อนุมัติ โครงการคนละครึ่ง และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีสวัสดิการ แห่งรัฐ วงเงินรวมกว่า 50,900 ล้านบาท

   นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ภายใต้โครงการเพื่อช่วยเหลือ เยียวยาและชดเชยให้แก่ประชาชน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ของกระทรวงการคลัง ประกอบด้วย โครงการคนละครึ่ง วงเงิน 30,000 ล้านบาท และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีสวัสดิการแห่งรัฐ หลังจากผ่านความเห็นขอบ จากคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือนและการลงทุนของภาคเอกชน ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

   สำหรับโครงการคนละครึ่ง ในลักษณะร่วมจ่าย หรือ Co-pay (โคเพย์) ระหว่างประชาชนที่เข้าร่วมโครงการและรัฐบาล เป็นการสนับสนุนค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่มและสินค้าทั่วไป ผู้ที่ได้รับสิทธิ์ตามโครงการ ต้องเป็นประชาชนสัญชาติไทยที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ไม่เกิน 10 ล้านคน ภาครัฐจะสนับสนุนร่วมจ่ายค่าอาหารเครื่องดื่มและสินค้าทั่วไปไม่รวมสลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบและการบริการต่างๆ ในอัตราร้อยละ 50 หรือไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน 3,000 บาทต่อคนภายในระยะเวลาดำเนินการ 3 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึง 31 ธันวาคมนี้ ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังค์และถุงเงิน ของธนาคารกรุงไทย คาดว่าจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชนประมาณ 10 ล้านคน สร้างรายได้ ให้ผู้ประกอบการรายย่อยอย่างน้อย 100,000 ร้านค้า มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจถึง 60,000 ล้านบาท ส่งผลให้จีดีพีขยายตัวร้อยละ 0.18 กระทรวงการคลัง จะเปิดให้ร้านค้าลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ WWW.คนละครึ่ง.com หรือไปที่สาขาธนาคารกรุงไทยในวันนี้ ส่วนภาคประชาชนจะเปิดให้ลงทะเบียนจองสิทธิผ่าน WWW.คนละครึ่ง.com ในวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 06.00 น.-23.00 น. ของทุกวันจนครบ 10 ล้านสิทธิ์ หากคุณสมบัติผ่าน สามารถเริ่มใช้จ่ายในโครงการนี้ได้ในวันที่ 23 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 หากยังไม่เข้าไปปรับใช้จ่ายภายใน 14 วันจะถูกตัดสิทธิ์ทันทีและเปิดรับลงทะเบียนใหม่

   สำหรับโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีสวัสดิการแห่งรัฐ ให้กับกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเกือบ 14 ล้านคน วงเงินประมาณ 20,900 ล้านบาท เป็นการเพิ่มวงเงินค่าซื้อสินคัาอุปโภคบริโภค ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อีกจำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือนจาก 200-300 บาท เป็นคนละ 700-800 บาท แต่ไม่สามารถ กดเป็นเงินสดออกมาใช้จ่ายได้ เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม- ธันวาคมนี้ ทั้งหากใช้จ่ายไม่ครบวงเงินจะถูกตัดทันที