19-10-2563

องค์การอนามัยโลกร่วมกับไทย ถอดบทเรียนความสำเร็จรับมือโควิด-19 พร้อมชื่นชมไทย โดยเด่นเรื่องระบบควบคุมและป้องกันที่เร็ว

   นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์แดเนียล เคอร์เทสซ์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย ร่วมแถลงการถอดบทเรียนร่วมระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและองค์การอนามัยโลก ในการปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขเพื่อตอบสนอง ต่อสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทย

   นายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวว่า ไทยเป็นประเทศแรกๆ ของโลกที่เข้าร่วมถอดบทเรียนนี้ ซึ่งสิ่งที่สะท้อนออกมาจากการรับมือเรื่องนี้ได้สำเร็จเพราะไทยไม่เคยปิดข้อมูลใดๆ ตั้งแต่ที่พบผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีน รายแรก รวมถึงจุดแข็ง จุดอ่อนของโรคและวิธีที่ไทยใช้รับมือ ได้เปิดเผยและทำความเข้าใจกับประชาชนตลอด สำคัญสุดคือประชาชนที่พร้อมให้ความร่วมมือช่วยกันดำเนินการตามคำแนะนำ ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่างและตอนนี้ไทยจะไม่ใช่แค่รับมือ ปิดประเทศป้องกันไม่ให้คนติด แต่จะสู้ด้วยการทยอย เปิดประเทศอย่างปลอดภัย เพราะไทยมีความพร้อมแล้วทุกด้าน ซึ่งระบบสาธารณสุขเข้มแข็งที่ได้เห็นครั้งนี้ เป็นเรื่องที่วางกันมานานไม่ใช่พึ่งเริ่มตอนสถานการณ์โควิด-19

   ด้าน นายแพทย์แดเนียล เคอร์เทสซ์ กล่าวว่า จากการถอดบทเรียนพบว่าไทย ปัจจัยความสำเร็จของไทยคือ การเริ่มคัดกรองเร็ว การมีภาวะผู้นำที่เข้มแข็งในทุกระดับและตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลหลักวิชาการที่ดีที่สุด มีระบบบริหารงานที่ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ มีระบบการแพทย์และสาธารณสุขที่พร้อม มีการจัดการผู้ป่วยในอย่างมีประสิทธิภาพมีทีมติดตามและกักตัวผู้สัมผัสด้วยหน่วยเคลื่อนที่เร็วและ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม.ลงถึงชุมชน มีประสบการณ์จากการรับมือโรคระบาดที่เคย เกิดแล้วทั้งโรคซาร์ส / ไข้หวัดนก และโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิด H1N1 (เอ็ชวันเอ็นวัน) และมีการบูรณาการทำงานร่วมของทุกภาคส่วน

   อย่างไรก็ตาม มองว่า ไทยยังมีศักยภาพพัฒนาเพิ่มอีกจึงแนะให้มีการพัฒนา อาทิ ระบบฐานข้อมูล ดิจิทัลใหม่บูรณาการข้อมูลให้ง่ายขึ้น ควรตั้งหน่วยงานระดับประเทศรับผิดชอบด้านการป้องกันและควบคุม การติดเชื้อโดยตรง จัดตั้งหน่วยงานระดับประเทศที่มีอำนาจในการกักกันโรค เสริมการประสานงานระดับประเทศและระดับภูมิภาคด้วยศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินภายใต้กระทรวงสาธารณสุข