22-10-2563

สวทช. ประกาศผลโครงการประกวดทักษะการพัฒนาต้นแบบทางวิศวกรรมระดับประเทศ

   ดร.ชฏามาศ ธุวะเศรษฐกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประกาศผลโครงการประกวดทักษะการพัฒนาต้นแบบทางวิศวกรรมระดับประเทศ (FabLab Thailand Student Design and Engineering Project Competition 2020) ตอน “ประลองความคิด ประดิษฐ์นวัตกรรม เพื่อชุมชน” ภายใต้โครงการโรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรม (Fabrication Lab) เพื่อพัฒนาทักษะความเป็นนวัตกรแก่เด็กและเยาวชนไทย

   ทั้งนี้ จากการที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 อนุมัติงบประมาณสนับสนุนโครงการขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบต่อภาคสังคมอย่างกว้างขวาง (Big Rock Project) สวทช. ได้รับมอบหมายดำเนินการ โครงการโรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรมหรือ Fabrication Lab เพื่อพัฒนาทักษะความเป็นนวัตกรแก่เด็กและเยาวชนไทย โดยโครงการประกวดทักษะการพัฒนาต้นแบบทางวิศวกรรมระดับประเทศในครั้งนี้เป็นโครงการภายใต้โครงการโรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรม ที่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมและสร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียน นักศึกษา ให้ได้มีโอกาสคิดค้น สร้างสรรค์ พัฒนาต่อยอดผลงาน ด้วยการออกแบบเชิงวิศวกรรม โดยใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ในโครงการฯ รวมถึงเข้าใจและเห็นถึงปัญหาในบริบทชุมชนโดยรอบของสถานศึกษาของตนเอง จนนำไปสู่ความร่วมมือ ในการวางแผนร่วมกันแก้ไขปัญหา โดยใช้ทักษะการประดิษฐ์จากห้องปฏิบัติการ FabLab เป็นการผลักดันให้เกิด การสร้างนวัตกร สร้างอาชีพ และสร้างชาติต่อไป โดยทีม ที่ส่งผลงานประกวด เป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือนักศึกษาระดับ ปวช. ในสังกัดสถานศึกษา ซึ่งมีผลงานที่สมัครเข้ามา จำนวน 177 โครงงานจาก 75 สถานศึกษา และได้คัดเลือกผลงานผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย เหลือจำนวน 12 โครงงาน เพื่อตัดสินหาทีมที่ชนะเลิศ จำนวน 3 ทีม โดยแบ่งเป็น 3 สาขา ได้แก่ สาขาการเกษตรแบบยั่งยืน, สาขาพลิกฟื้นคืนวิถีชุมชน, และสาขาสร้างสังคมแห่งอนาคต

   ด้าน นายวรกร บุญประสิทธิ์ผล ผู้จัดการฝ่ายขาย ผู้แทนบริษัท เอ็กซ์วายแซดพริ้นติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ตระหนักถึงคุณค่าด้านการส่งเสริมการศึกษาให้แก่นักเรียน นักศึกษาในประเทศไทย ที่ผ่านมาได้ทราบว่า สวทช. ดำเนินการจัดซื้อเครื่องพิมพ์สามมิติ เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ให้แก่ 150 สถานศึกษา ใน 68 จังหวัดทั่วประเทศ ผ่านโครงการโรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรม เพื่อพัฒนาทักษะความเป็นนวัตกรแก่เด็กและเยาวชนไทย และได้ถูกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่สถานศึกษาและชุมชนใกล้เคียง อีกทั้งในช่วงเวลาสภาวะปกติ และในช่วงที่เกิดสถานการณ์ COVID-19 ทำให้เห็นถึงประโยชน์ของเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติมากยิ่งขึ้น ในการจัดประกวดครั้งนี้ ทางบริษัทฯ ได้สนับสนุนทุน รวมถึงของรางวัล อันได้แก่ เครื่องพิมพ์ สามมิติขนาดการพิมพ์ 20x20x20 เซนติเมตร และทุนสนับสนุนกิจกรรมฝึกปฏิบัติการทักษะเชิงวิศวกรรม และการเยี่ยมชมหน่วยงานนวัตกรรมและเทคโนโลยี ณ ไต้หวัน โดยมอบให้แก่สถานศึกษาที่ชนะเลิศในแต่ละสาขา รวม 3 รางวัล ทั้งนี้ ขอแสดงความยินดีกับทีมที่ชนะเลิศทั้ง 3 ทีม และทางบริษัทฯ ยังคงยืนยันที่จะมุ่งมั่นส่งเสริมกิจกรรมต่าง ๆ ให้แก่เยาวชนในด้านการศึกษาไทยต่อไป

   โดยรางวัลชนะเลิศ สาขาการเกษตรแบบยั่งยืน ได้แก่ โรงเรียนแม่สะเรียง “บริพัตรศึกษา” ในผลงาน “โรงเรือนเอื้องแซะ” เป็นโรงเรือนอัจฉริยะที่ทำการทดลองปลูกกล้วยไม้เอื้องแซะ ซึ่งเป็นพันธุ์กล้วยไม้พื้นเมืองที่สำคัญของภาคเหนือที่มีมูลค่าสูงสามารถนำไปสกัดเป็นน้ำหอมกลิ่นธรรมชาติได้ “โรงเรือนเอื้องแซะ” สามารถควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น แสงสว่าง รวมถึงปริมาณการให้ปุ๋ยที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต โดยมีการแสดงผลต่าง ๆ เชื่อมโยงกับระบบ Internet of Things (IoT) ผ่านสมาร์ทโฟน จึงทำให้โรงเรือนฯ ดังกล่าว สามารถปลูกกล้วยไม้เอื้องแซะในต่างพื้นที่ได้ อีกทั้งยังช่วยยืดระยะการออกดอกให้นานขึ้นมากกว่าเดิมถึง 2 เท่า

   รางวัลชนะเลิศ สาขาพลิกฟื้นคืนวิถีชุมชน ได้แก่ โรงเรียนส่วนบุญโญปถัมภ์ ลำพูน ในผลงาน “ตักบาตรเติมบุญ” เป็นผลงานสิ่งประดิษฐ์ที่นำเอาอุปกรณ์ ALMS-Tracking จัดเก็บพิกัด GPS ของพระภิกษุขณะบิณฑบาต โดยใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันตักบาตรเติมบุญ ที่ผู้พัฒนาเขียนขึ้นเอง เพื่อรายงานตําแหน่งพิกัดของพระภิกษุบนแผนที่ ช่วยให้ผู้ใส่บาตรทราบถึงพิกัดของพระภิกษุขณะบิณฑบาตฯ ทำให้ไม่ต้องรอ ใส่บาตรนานและใช้เวลาไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้

   รางวัลชนะเลิศ สาขาสร้างสังคมแห่งอนาคต ได้แก่ โรงเรียนวิสุทธรังษี จังหวัดกาญจนบุรี ในผลงาน “อุปกรณ์ช่วยต่อลมหายใจฉุกเฉิน” เป็นอุปกรณ์สําหรับการเลื่อนกระจกรถยนต์ลงในกรณีที่อุณหภูมิ ภายในห้องโดยสารสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส หรือปริมาณแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์สูงเกิน 50 ppm ชุดควบคุมจะสั่งให้มอเตอร์กระจกไฟฟ้ารถยนต์ลดกระจกลงตามค่าที่กําหนดไว้ เพื่อระบายความร้อนและลดปริมาณแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์สะสม ช่วยลดความเสี่ยงในรถยนต์ได้