นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมาย จากนายกรัฐมนตรีดูแลรับผิดชอบในการมอบนโยบาย และติดตามการดำเนินงานขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัด รวม 3 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา / จังหวัดอ่างทอง และจังหวัดสระบุรี โดยมีนายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้การต้อนรับ ร่วมกับคณะกรรมการขับเคลื่อนระดับจังหวัดทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคสังคม นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ กล่าวว่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และการท่องเที่ยว เป็นตัวขับเคลื่อนของจังหวัด ซึ่งนับได้ว่ามีศักยภาพเป็นอย่างมาก ดังนั้นทางคณะกรรมการจังหวัดต้องมองโจทย์การดำเนินงานให้ชัดเจน หากติดขัด หรือมีปัญหาด้านใด ให้แจ้งมาเพื่อตนจะได้นำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี เพื่อทำการปลดล็อก ซึ่ง "พระนครศรีอยุธยาเป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์อย่างมาก วันนี้เราต้องเตรียมความพร้อมให้สามารถรองรับภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย การมาเยี่ยมครั้งนี้เพื่อรับฟัง และผลักดันให้ประเทศเดินหน้าให้ได้ ไม่ว่ากฎระเบียบ ข้อจำกัดด้านงบประมาณ หรือมีข้อติดขัดอะไรให้ทางจังหวัดบอกได้ ซึ่งอยากให้ทุกภาคส่วนนำเสนอรายละเอียด และระบุปัญหาออกมาให้ชัดเจน"

   ทั้งนี้ที่ประชุมได้นำเสนอปัญหาใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านอุตสาหกรรมที่มีการผลิตบุคลากรไม่เพียงพอ หลักสูตรการเรียนการสอนไม่ตอบโจทย์ด้านอาชีพ และยังมีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ด้านเกษตรกรรม ต้องการ การสนับสนุนการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อรองรับพื้นที่เกษตร ซึ่งมีมากกว่าครึ่งหนึ่งของจังหวัด และด้านท่องเที่ยว ที่มีกฎระเบียบและข้อกฎหมายที่ซ้ำซ้อน ทำให้ไม่สามารถสร้างแรงดึงดูดด้านการท่องเที่ยว ในฐานะที่จังหวัดได้รับการคัดเลือกให้เป็นแหล่งมรดกโลก และปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ให้กับภาคธุรกิจ

   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ตนจะรับเรื่องทั้งหมดมาพิจารณา หากเรื่องไหนทำไม่ได้จะแจ้งทันที เรื่องใดต้องมีลำดับความสำคัญ ต้องใช้เวลา จะแจ้งให้ทราบ สำหรับด้านการศึกษา ตนยอมให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษาไม่ได้ การบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก ต้องเกิดขึ้นแน่นอน แต่วันนี้ยังไม่ทราบในรายละเอียดของพื้นที่ ทุกคนที่เสนอปัญหาต้องช่วยกัน นำเสนอว่า ควรจะมี โรงเรียนแม่เหล็กที่ใด หรืออาจจะมีโรงเรียนดีที่มีศักยภาพสี่มุมเมืองให้เสนอมาได้ หรือวิทยาลัยอาชีวศึกษา ที่มีอยู่ 9 แห่งในจังหวัด ที่ไหนจะเน้นให้ความสำคัญในการเรียนหลักสูตรเรื่องอะไร จะเป็นด้านการเกษตร การอุตสาหกรรม หรือด้านการท่องเที่ยวบริการ ต้องทำให้ชัดเจน วันนี้เรากำลังพลิกประวัติศาสตร์ ด้านการศึกษา แต่การดำเนินงานจะไม่สำเร็จหากทุกคนในพื้นที่และชุมชนไม่ช่วยเหลือและร่วมมือกัน โดยกระทรวงศึกษาธิการจะร่วมมือกับภาคเอกชน ในการบริหารจัดการศึกษา ในลักษณะ 1 เอกชนไทย 1 จังหวัด หากทางจังหวัดมีแผนแม่บทด้านการศึกษาหลัก และชัดเจนจะสามารถนำองค์ความรู้ของภาคเอกชน มาประยุกต์ใช้ และสามารถขยายหรือกระจาย องค์ความรู้นี้ ไปตามสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศได้