นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ตามที่กระทรวงแรงงาน เสนอแนวทางการปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพ การให้บริการงานด้านการทำงานของคนต่างด้าว โดยจะเป็นการจ้างเหมาเอกชนดำเนินการให้บริการรับคำขออนุญาตทำงาน การออกใบอนุญาตทำงาน และการแจ้งการทำงานของแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ ทั้งหมดจะเป็นในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังเห็นชอบให้กระทรวงแรงงานดำเนินการคัดเลือกผู้จ้างตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุของรัฐ ซึ่งหน้าที่ของภาคเอกชนที่ผ่านการคัดเลือก สิ่งที่จะต้องดำเนินการ คือ จัดเตรียมสถานที่ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค / เตรียมวัสดุอุปกรณ์ บุคลากรในการดำเนินงาน ต้องจัดหาและพัฒนาระบบสารสนเทศในการปฏิบัติงาน เช่น ระบบนัดหมาย / ระบบติดตามผลการอนุญาต / ระบบตรวจสอบยืนยันหรือรับรองบุคคล/ระบบเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูล / ระบบฐานข้อมูลฐานการอนุญาตทำงานของคนต่างด้าว โดยสัญญาจะเป็นระยะเวลาดำเนินการ 10 ปี หรือกำหนดตามใบอนุญาตทำงานที่ออกให้คนต่างด้าวจำนวน 15 ล้านใบอนุญาต

   นางสาวรัชดา ธนาดิเรก กล่าวต่อไปว่า ในส่วนบทบาทของภาครัฐ ที่กระทรวงแรงงานต้องดำเนินการ คือเป็นผู้กำหนดนโยบายวิธีปฏิบัติและควบคุมการดำเนินงานของเอกชน เช่น การพิจารณาอนุญาต จะยังคงเป็นอำนาจของนายทะเบียนแต่เพียงผู้เดียว ไม่ได้มอบหมายให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการ จะมีการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อไม่ให้เอกชนเข้าถึงหรือนำไปใช้ สำหรับงบประมาณที่จะใช้ในการจ้างเหมาเอกชนครั้งนี้ จะมาจากค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บได้ตามพระราชกำหนดการบริการจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 ตามที่กระทรวงการคลังอนุญาต โดยที่ไม่ต้องนำส่งกระทรวงการคลังเป็นรายได้แผ่นดินจากเงินกองทุนเพื่อการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว

   ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการสามารถขอรับบริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง จากเดิมที่จะต้อง มายื่นเอกสารด้วยตัวเองและสามารถทำได้เฉพาะเวลาราชการเท่านั้น การดำเนินการตั้งแต่จุดแรกถึงจุดสุดท้ายจะมีความรวดเร็วขึ้นมาก นอกจากนี้การจัดตั้งศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จจะมี 45 ศูนย์ทั่วประเทศ มีฐานข้อมูลคนต่างด้าวฐานเดียวกันเชื่อมโยงกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง