นายประสงค์ พันธ์ลิมา ผู้อำนวยการสำนักงานธนานุเคราะห์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า ภารกิจของสำนักงานธนานุเคราะห์หรือโรงรับจำนำของรัฐบาล เป็นสถาบันการเงินช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนทางการเงิน ทั้งทางตรงและทางอ้อม ต่อกลุ่มเป้าหมายที่เป็นประชาชนผู้มีรายได้น้อย และผู้ประสบปัญหาทางการเงินเฉพาะหน้า โดยรับจำนำในอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยได้แบ่งเป็น เงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 บาท ต่อเดือน / เงินต้น 5,001 - 10,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 บาท ต่อเดือน / เงินต้น 10,001 - 20,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 1.00 บาท ต่อเดือน / เงินต้น 20,001 - 100,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 1.25 บาท ต่อเดือน

   ทั้งนี้ จากสถานการณ์การระบาดโรควิด-19 ที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบแก่ประชนวงกว้าง โดยมีประชาชน มาใช้บริการที่สำนักงานธนานุเคราะห์ทั่วประเทศ กว่า 3 แสน 3 หมื่นคน โดยทรัพย์ที่มีมาจำนำเป็นของใช้ ในครัวเรือน เครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องมือช่าง ทั้งนี้จึงจัดโปรโมชั่นพิเศษ ได้ขยายระยะเวลาการไถ่ถอนทรัพย์จำนำ จาก 4 เดือน 30 วัน หรือ 5 เดือน ขยายอีก 3 เดือน เป็น 8 เดือน โดยตั๋วจำนำตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2563 - 28 กุมภาพันธ์ 2564 จะได้รับสิทธิขยายระยะเวลาทุกใบ ในสถานธนานุเคราะห์กว่า 39 แห่ง ทั่วประเทศ

   ผู้อำนวยการสำนักงานธนานุเคราะห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งของที่สามารถนำมาจำนำได้ อาทิ ทอง / นาก เงิน / เพชร / กล้องถ่ายรูป / นาฬิกา / แว่นตา / เครื่องใช้ไฟฟ้า / เครื่องมือช่าง ส่วนกรณีตั๋วรับจำนำหายนั้น ขอแนะนำให้ประชาชน ติดต่อที่สถานีตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้ และนำใบบันทึกประจำวัน นำมาที่สถานธนานุเคราะห์ที่ออกให้ เพื่อทำการส่งดอกหรือไถ่ถอนสำหรับประชาชนที่จะจำนำทรัพย์สิน ในดอกเบี้ยต่ำ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สถานธนานุเคราะห์กว่า 39 แห่งทั่วประเทศได้ โดยเปิดให้บริการวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 8.00 - 16.30 น. และผู้ใช้บริการที่ไม่สะดวกเดินทางมาส่งดอกเบี้ยที่สาขาได้ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ผู้ใช้บริการสามารถส่งดอกเบี้ยได้ที่ 7-11 / และแอปพลิเคชั่น krungthai next (กรุงไทย เน็กซ์) ได้เช่นกัน เพื่อเลี่ยงการสัมผัส ลดความแออัดช่วงโควิด-19