พลตำรวจโท โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวระหว่างเป็นประธานการประชุมรับฟังความเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย โครงการกำจัดมูลฝอยด้วยวิธีการเผาไหม้ เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า ศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช ว่า กรุงเทพมหานครให้ความสำคัญกับการจัดการขยะล้นเมืองเพื่ออนาคตของเยาวชนรุ่นหลัง โดยปัจจุบันกรุงเทพมหานครจะมีขยะจากครัวเรือน ร้านอาหาร สถานประกอบการ ขยะจากภาคการท่องเที่ยว ภาคอุตสาหกรรมที่กรุงเทพมหานครรวบรวมไปกำจัดวันละ 10,500 ตัน การกำจัดขยะดังกล่าวแบ่งเป็นวิธีฝังกลบ 7,600 ตัน ทำปุ๋ยอินทรีย์ 1,600 ตัน หมักให้เกิดแก๊สผลิตไฟฟ้า 800 ตัน เผาไหม้เพื่อผลิตไฟฟ้า 500 ตัน และคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า จะมีขยะวันละ 13,000 - 14,000 ตัน เนื่องจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งการฝังกลบเป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่ยั่งยืน เพราะพื้นที่จะเหลือน้อยลง เป็นการย้ายขยะไปไว้ชานเมือง ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ส่วนการกำจัดด้วยวิธีเผาไหม้ โดยทั่วไปจะเกิดควัน ฝุ่น กลิ่น แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีของเตาเผาไหม้มีการพัฒนาไปมาก สามารถแก้ปัญหาควัน ฝุ่นและกลิ่นได้ จนอยู่ในระดับมาตรฐานความปลอดภัย ทั้งนี้ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมกันรับฟังปัญหา เสนอข้อกังวลใจหรือคลายความสงสัยและรับฟังข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการกำจัดขยะด้วยการเผาไหม้ ซึ่งจะช่วยลดขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพและยังสามารถผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ประโยชน์ได้อีกด้วย พร้อมยืนยันว่า เรื่องเตาเผาไหม้เป็นความหวังของกรุงเทพมหานครและสำคัญในการแก้ไขปัญหาขยะ

   อย่างไรก็ตาม กรุงเทพมหานคร จะนำเทคโนโลยีกำจัดมูลฝอยโดยระบบเตาเผามูลฝอยโดยการแปรรูป มูลฝอยเพื่อนำพลังงานกลับมาใช้ประโยชน์มาใช้กับการจัดการมูลฝอยในเมืองหลวงเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการ ลดปริมาณมูลฝอยที่จะต้องนำไปฝังกลบอย่างถูกสุขลักษณะและเพื่อส่งเสริมการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด