23-03-2564

ธนาคารแห่งประเทศไทย ปรับลดอัตราดอกเบี้ยกรณีผิดสัญญาเงินกู้และกรณีผิดนัดชำระหนี้ โดยเริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 1 เมษายน 2564

   นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบการปรับลดอัตราดอกเบี้ยกรณีผิดสัญญาเงินกู้และกรณีผิดนัดชำระหนี้จากร้อยละ 7.5 เหลือ ร้อยละ 5 โดยมติดังกล่าวสอดคล้องกับประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ได้ออกประกาศไปเมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจะช่วยลดการเกิดหนี้ด้อยคุณภาพ ในระบบการเงิน ส่งผลต่อการเจรจาโครงสร้างหนี้ได้ง่ายขึ้น ลดการฟ้องร้องดำเนินคดี ป้องกันไม่ให้ลูกหนี้ ต้องแบกภาระดอกเบี้ยเกินสมควรในหนี้ที่ยังไม่เกิดการผิดนัดและอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันซึ่งมติที่ออกมาถือเป็นการเปลี่ยนแปลงแนวปฏิบัติด้านการเงินของไทยที่บังคับใช้มานาน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ กรณีการคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้จะต้องดำเนินการบนฐาน ของเงินต้นที่ผิดนัดจริงเท่านั้น ต่างจากแนวเดิมที่เมื่อผิดเพียงงวดเดียวจะถูกคิดเบี้ยผิดนัดจากฐานเงินต้น คงค้างทั้งหมด กรณีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ที่กำหนดว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาบวก ได้ไม่เกินร้อยละ 3 ต่างจากเดิมที่เจ้าหนี้จะกำหนดอัตราเบี้ยผิดนัดการชำระหนี้ได้เองโดยทั้ง 2 กรณีจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 เป็นต้นไป

   ส่วนกรณีการกำหนดลำดับการตัดชำระหนี้ ให้ตัดชำระค่างวดที่ค้างชำระนานที่สุดเป็นอันดับแรกจะบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เนื่องจากผู้ให้บริการทางการเงินจะต้องปรับปรุงระบบงานที่เกี่ยวข้อง