ดร.วรัท พฤกษาทวีกุล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย หรือ กศน. เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการปรับหลักสูตรการจัดการศึกษานอกระบบ ตามหลักสูตรนอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 ขณะนี้การปรับปรุงหลักสูตรดังกล่าวติดปัญหาสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด 19 ทำให้ขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์ไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ แต่ภาพรวมการปรับปรุงดังกล่าว กศน.ได้ร่างกรอบสมรรถนะของหลักสูตรใหม่มาแล้ว ซึ่งประกอบไปด้วยการคิด การจัดการตนเอง การสื่อสาร และการเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง

   เลขาธิการ กศน. กล่าวต่อไปว่า อีกประเด็นที่สำคัญที่ทำให้ สำนักงาน กศน.ต้องชะลอการปรับปรุงหลักสูตร กศน.ไว้ก่อนนั้นมาจากขณะนี้ร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตพ.ศ.... กำลังสู่การพิจารณาควบคู่กับร่างพ.ร.บ.การศึกษาชาติ พ.ศ.... ของสภาผู้แทนราษฎร์ ซึ่งหากร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่านความเห็นชอบในเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายนจะทำให้สถานะของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย มีฐานะเป็นกรมส่งเสริมการเรียนรู้ และแยกออกมา จากสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการทันที โดยมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้บังคับบัญชาหลักโดยตรง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกำกับดูแลนโยบาย ดังนั้น เมื่อ กศน.เป็นกรมส่งเสริมการเรียนรู้แล้วจะต้องทำให้เราปรับบทบาทและภารกิจใหม่ เนื่องจากที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความเห็นออกมาแล้วว่า ต่อจากนี้ไปบทบาทของกศน.จะต้องทำงานให้หนักขึ้น และมีความสำคัญมากต่อการ พัฒนาประเทศ โดยจะต้องมีหน้าที่จัดการเรียนรู้ตลอดชีวิต การเรียนรู้เพื่อการพัฒนาตนเอง และการเรียนรู้ เพื่อเพิ่มคุณวุฒิตามระดับ รวมถึงการส่งเสริมการเรียนรู้รูปแบบอื่นให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน

   ทั้งนี้ การเป็นกรมส่งเสริมการเรียนรู้นั้นไม่ใช่โครงสร้างของการเป็นแท่ง แต่ทำให้สามารถบริหารงานได้ โดยไม่ติดขัด เพราะสถานะของ กศน.ในบทบาทสำนักงานที่เป็นอยู่ตอนนี้นั้นส่งผลให้การบริหารจัดการ ระดับพื้นที่ทำให้ได้ไม่เต็มที่ และมีข้อจำกัดหลายเรื่อง ดังนั้นเชื่อว่าโครงสร้างใหม่ของ กศน.จะทำให้มีภารกิจครอบคลุมมากขึ้น อีกทั้งบุคลากรของ กศน. มีความพร้อมรอการเปลี่ยนแปลงตามโครงสร้างใหม่ด้วย