16-12-2564

สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เผยผลการดำเนินตามแผนวิจัยโปรแกรมที่ 17 แก้วิกฤติโควิด 19 พร้อมเดินหน้าแผนวิจัยแก้ปัญหาเร่งด่วนอื่น

   ศาสตราจารย์ ดร.ปิยะวัติ บุญ-หลง ประธานกรรมการอำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ สกสว. เป็นประธานเปิดการประชุมคณะกรรมการอำนวยการ สกสว. ครั้งที่ 12/2564 ผ่านระบบการประชุมออนไลน์ เพื่อหารือความคืบหน้าในการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ของ สกสว. รวมถึงผลการดำเนินงานตามแผนงานการวิจัยภายใต้โปรแกรมที่ 17 แก้ปัญหาวิกฤติเร่งด่วนของประเทศ หลังเกิดวิกฤติโควิด 19 ในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 ภายใต้การจัดสรรงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ของ สกสว.และการดำเนินงานของหน่วยบริหารจัดการทุน (พีเอ็มยู)

   ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.ปัทมาวดี โพชนกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวให้ข้อมูลว่า คณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม หรือ กสว. มีมติในการประชุม กสว. ครั้งที่ 4/2563 เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2563 อนุมัติให้มีการเพิ่มโปรแกรมการแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศ เป็นโปรแกรมที่ 17 ภายใต้แผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติขนาดใหญ่ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อใช้ความรู้ การวิจัยและนวัตกรรม คาดการณ์ปัญหาจัดการกับภาวะวิกฤติของประเทศได้อย่างทันท่วงที ช่วยลดความเสียหายและบรรเทาความเสียหายในระยะสั้น และเพื่อให้มีการเตรียมการที่ดี สามารถบริหารจัดการประเทศและสังคมหลังภาวะวิกฤติ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งให้ความสำคัญกับการวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงและการแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศที่เป็นปัญหาเร่งด่วน ทำให้ประเทศไทยมีความสามารถในการจัดการและฟื้น ตัวอย่างมีประสิทธิภาพ มีศักยภาพในการพึ่งตนเองด้านความรู้ กำลังคนและโครงสร้างพื้นฐานด้าน ววน. โดยในส่วนของการบริหารทุนวิจัยและนวัตกรรมโควิด 19 นั้น มีการวางเป้าหมายระดับประเทศไว้ ประกอบด้วย

(1) วางประเด็นวิจัยสำคัญและเร่งด่วน

(2) สร้างความเข้มแข็งในการพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมให้พร้อมต่อการนำไปใช้ประโยชน์

(3) มีมาตราการเชิงรุกเข้าสู่หน่วยงานภาคปฏิบัติและหน่วยงานการใช้ประโยชน์

(4) การแก้ปัญหาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ให้พร้อมรองรับสถานการณ์โควิด 19

(5) ผลสำเร็จของงานวิจัย มีผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ และสุขภาพของประเทศ

   โดยมีกลไกการบริหารงานวิจัยและนวัตกรรม ทั้งหมด 3 ชุด ได้แก่ คณะทำงานขับเคลื่อนการวิจัย และนวัตกรรม ประเด็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019, คณะทำงานร่วมดำเนินการหน่วยบริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรม ประเด็นปัญหาวิกฤติสำคัญของประเทศ และคณะกรรมการดำเนินงานสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม ประเด็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

   ทั้งนี้ ในช่วงปีพ.ศ. 2563 – 2564 ที่ผ่านมา มีผลงานด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่ช่วยแก้ปัญหาวิกฤติโควิด 19 ที่นำไปสู่การใช้ประโยชน์จริงทั้ง งานวิจัยด้านเวชภัณฑ์เพื่อวินิจฉัยและรักษา งานวิจัยด้านการป้องกันควบคุมและการดูแลรักษาผู้ป่วย งานวิจัยด้านวัคซีนต้านไวรัส งานวิจัยด้านการระบาดวิทยาและเชื้อไวรัส รวมถึง งานวิจัยด้านสังคมและเศรษฐกิจ อาทิ หน้ากากอนามัย ชุดป้องกันเชื้อโรคสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ห้องความดันติดลบแบบเคลื่อนย้ายได้ ห้องแยกผู้ป่วยที่แพร่กระจายเชื้อทางอากาศแบบถอดประกอบได้ อุปกรณ์ Smart Pulz (พัลซ์) Platform การดูแผู้ป่วยออนไลน์สำหรับโรงพยาบาล การสังเคราะห์มาตรการและนโยบายของรัฐบาล เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19 งานวิจัยวัคซีน ChulaCov19 การถอดรหัสพันธุกรรม SARS-Cov-2 และการพัฒนาแบบจำลองบูรณาการระบบการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นต้น นอกจากนี้ในปีงบประมาณ 2564 สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. ในฐานะหน่วยบริหารและจัดการทุน (พีเอ็มยู) และองค์กรที่มีพันธกิจ ส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาการวิจัยการเกษตร ยังได้เสนอเพิ่มแผนงานใหม่ “แผนงานการวิจัยเพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนจากการระบาดโรคในสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญ กรณี โรคลัมปีสกิน” ภายใต้โปรแกรม 17 การแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศ พร้อมขอรับงบประมาณเพิ่มเติมระหว่างปี (Reprogramming) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 และได้รับการอนุมัติจาก กสว. แล้วในการประชุม กสว. ครั้งที่ 10/2564 เมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยในที่ประชุมคณะกรรมการได้ให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ถึงแนวทางการจัดแผนงานการวิจัยภายใต้โปรแกรมที่ 17 แก้ปัญหาวิกฤติเร่งด่วนของประเทศ โดยมุ่งเน้นการทำงานแบบคาดการณ์อนาคต ให้ครอบคลุมและสร้างความพร้อมกับประเทศ เพื่อให้แผนวิจัยดังกล่าว มีความยืดหยุ่นและปรับให้สอดคล้องกับการแก้ปัญหาต่างๆอย่างทันท่วงที ดังเป้าประสงค์ที่ออกแบบไว้แต่แรก