28-11-2565

สอวช. ร่วมภาคีเครือข่ายชีววิทยาสังเคราะห์ เปิดตัว SynBio Roadmap (ซินไบโอ โรดแมป)ยกระดับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ

   ดร.กาญจนา วานิชกร รองผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ สอวช. กล่าวเปิดงาน SynBio Forum 2022 “SynBio for Sustainable Development Goals” ชีววิทยาสังเคราะห์เพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยกล่าวว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของหน่วยงานร่วมทั้ง 17 หน่วยงาน จากภาครัฐ ภาคเอกชนและ ภาคการศึกษาของไทย ในการสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาคมด้านเทคโนโลยีชีวภาพและแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีชีวภาพ ที่จะนำไปสู่แนวทางการสร้างความร่วมมือทั้งในระดับภูมิภาคไปจนถึงระดับนานาชาติ และเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาวาระที่สำคัญนี้ ภาคีเครือข่ายชีววิทยาสังเคราะห์ จึงได้จัดทำ ร่างแผนที่นำทางการพัฒนาชีววิทยาสังเคราะห์ในระยะเวลา 8 ปี (พ.ศ. 2565 – 2573) เพื่อกำหนดกรอบ ความร่วมมือและเป้าหมายในการพัฒนาด้านเทคโนโลยีในประเทศไทยและระดับภูมิภาค นอกจากนี้ยังเป็นการเน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของชีววิทยาสังเคราะห์ที่จะมาเป็นอนาคตของอุตสาหกรรมไทย ซึ่งวิสัยทัศน์ของแผนที่นำทางนี้คือ “ชีววิทยาสังเคราะห์สร้างเศรษฐกิจใหม่และขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อบรรลุเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน ตามโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี

   สำหรับศักยภาพของชีววิทยาสังเคราะห์และเทคโนโลยีชีวภาพในประเทศไทย ดร.กาญจนา กล่าวว่า มีการคาดการณ์ถึงตลาดชีววิทยาสังเคราะห์ของโลกว่าจะอยู่ที่ 30.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในปี พ.ศ. 2569 ทำให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในหลายประเทศ อาทิ จีน เดนมาร์ก เยอรมนี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา หันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนและการพัฒนากำลังคนในด้านนี้มากขึ้น ชีววิทยาสังเคราะห์ จึงถือว่าเป็นความหวังใหม่ของประเทศไทย ที่นอกจากจะตอบโจทย์ในด้านเศรษฐกิจแล้ว ยังเป็นแนวทางที่ช่วยในการแก้ไขปัญหาอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศด้วย เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าทางการเกษตร การค้นพบตัวยาชนิดใหม่ หรือแนวทางใหม่ในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมประเทศไทยอยู่ในพื้นที่ที่มีความหลายหลากทางชีวภาพ 1 ใน 36 แห่งทั่วโลก ที่มีความได้เปรียบในแง่ของทรัพยากรธรรมชาติ จึงถือเป็นโอกาสของเราที่จะนำเทคโนโลยีใหม่นี้ มาใช้เพื่อปลดล็อกศักยภาพ และสร้างโอกาสที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ในอนาคต ตัวอย่างของสินค้าที่ใช้นวัตกรรมด้านชีววิทยาสังเคราะห์เข้าไปช่วยในการผลิตและมีการลงทุนในประเทศไทยแล้ว เช่น การผลิตสารให้ความหวานจาก หญ้าหวาน, การผลิตวัคซีน mRNA ในอุตสาหกรรมด้านสุขภาพ, เส้นใยคุณภาพสูงจากโปรตีน, การใช้จุลินทรีย์ทดแทนสารเคมีในกระบวนการบำบัดของเสีย ที่จะช่วยป้องกันไม่ให้มีสารเคมีรั่วไหลออกไปให้เกิดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

   ดร.กาญจนา ยังได้ให้ข้อมูลถึงแนวทางการพัฒนาด้านการศึกษาในประเทศไทย ที่มีนักวิจัยและมหาวิทยาลัยได้พัฒนาหลักสูตร รวมถึงมีความพยายามร่วมกันที่จะหาแนวทางส่งเสริมการพัฒนาทักษะหรือสร้างทักษะใหม่ ในการพัฒนากำลังแรงงาน เพื่อสนับสนุนการลงทุน จากข้อมูลพบว่า ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 44 จาก 141 ประเทศทั่วโลกที่มีการจัดอันดับการเผยแพร่บทความวิชาการด้านชีววิทยาสังเคราะห์ และผลงาน ส่วนใหญ่ยังอยู่เพียงในห้องปฏิบัติการเท่านั้น จึงเป็นอีกความท้าทายที่จะต้องมองหาแนวทางนำเอาต้นแบบและงานวิจัยไปใช้ประโยชน์จริง รวมถึงนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะความร่วมมือในการสร้างความเข้มแข็งแบบสามประสาน ระหว่างมหาวิทยาลัย ภาคอุตสาหกรรม และภาครัฐ โดยมีความมุ่งหวังว่าความร่วมมือนี้ จะช่วยสร้างให้เกิดสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และยูนิคอร์นตัวใหม่ ให้กับประเทศไทยได้

   สำหรับบทบาทของกระทรวง อว. ได้ริเริ่มแนวคิดเศรษฐกิจบีซีจี โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความยั่งยืน ทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ และเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมาย จึงได้มีการจัดทำแผนปฏิบัติการเชิงกลยุทธ์ขึ้น และอุตสาหกรรมใหม่อย่างชีววิทยาสังเคราะห์ก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน ด้านการสนับสนุนการให้สิทธิประโยชน์และแนวทางความร่วมมือ ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ได้จัดให้มีการส่งเสริมการลงทุนสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย โดยสิทธิประโยชน์จะแตกต่างไปตามความเข้มข้นของกิจกรรม เช่น หากมีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่ไม่เคยมีมาก่อนก็จะได้สิทธิประโยชน์ขั้นสูงสุด เป็นต้น

   นอกจากนี้ ในด้านโครงสร้างพื้นฐาน รัฐบาลได้มีการลงทุนพัฒนาเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ ภาคตะวันออก หรือ EECi ที่มีการสนับสนุนในแง่ของสิ่งอำนวยความสะดวก การมีเมืองนวัตกรรมชีวภาพ และมีแพลตฟอร์มความร่วมมือทั้งระดับมหาวิทยาลัยสู่ระดับธุรกิจ และระดับธุรกิจกับธุรกิจ ที่เชื่อมโยงกัน ทั้งในประเทศและในระดับโลกด้วย และเร็วๆ นี้ จะมีการร่วมทุนระหว่างกลุ่มพันธมิตรในหน่วยรับจ้างพัฒนาและผลิตระดับอุตสาหกรรม ถือเป็นแพลตฟอร์มการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงแห่งแรกในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคตได้อย่างเป็นรูปธรรม

   ทั้งนี้ ในงานยังได้มีการเปิดเวทีอภิปรายในหัวข้อ ชีววิทยาสังเคราะห์และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน “แนวทางการเชื่อมโยงชีววิทยาสังเคราะห์ของโลกกับเศรษฐกิจไทย และการจัดกิจกรรมระดมความเห็นกลุ่มย่อย 5 แผนงานหลัก ในการใช้ชีววิทยาสังเคราะห์ เพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและบีซีจี โดยแบ่งเป็น 1) การผลักดันงานวิจัยออกสู่เชิงพาณิชย์และพัฒนาสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีขั้นสูง 2) โครงสร้างพื้นฐานด้านการวิจัย พัฒนาและนวัตกรรม 3) กฎหมายและระเบียบโดยทั่วไป 4) การลงทุนและการให้ทุนสนับสนุนงานเชิงกลยุทธ์ และ 5) สถาบันการศึกษาด้านชีววิทยาสังเคราะห์ เพื่อสนับสนุนการพัฒนากำลังคน