"รมช.องอาจ" เป็นประธานพิธีถวายราชสดุดี “วันสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า” ประจำปี 2568 ที่ ศธ.
- ข่าวการศึกษา
- "รมช.องอาจ" เป็นประธานพิธีถวายราชสดุดี “...
"รมช.องอาจ" เป็นประธานพิธีถวายราชสดุดี “วันสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า” ประจำปี 2568 ที่ ศธ.
2025-11-25 13:39:17

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 เวลา 9.00 น. กระทรวงศึกษาธิการ จัดพิธีถวายราชสดุดี “วันสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า” ประจำปี 2568 เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและยกย่องพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 จัดขึ้นพร้อมกันทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค พร้อมกันทั่วประเทศ โดยมี นายองอาจ วงษ์ประยูร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน ณ บริเวณด้านหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 กระทรวงศึกษาธิการ โดยมีนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ ตลอดจนคณะกรรมการลูกเสือ บุคลากรทางการลูกเสือ ลูกเสือเนตรนารี ทุกหมู่เหล่า เข้าร่วม
ในโอกาสนี้ นายองอาจ ประกอบพิธีวางพวงมาลาพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 จากนั้นได้จุดเครื่องทองน้อย ก่อนถวายบังคมพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 พร้อมกล่าวคำกล่าวสดุดีเทิดพระเกียรติฯ ความตอนหนึ่งว่า เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ข้าพระพุทธเจ้า นายองอาจ วงษ์ประยูร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยข้าราชการ บุคลากรทางการลูกเสือ ลูกเสือ เนตรนารี และพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ต่างน้อมจิตตั้งมั่น เพื่อร่วมกันแสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ตลอดเวลา 15 ปีแห่งรัชสมัย ทรงดำรงมั่นในพระราชธรรมจริยา เป็นอัครศาสนูปถัมภกและพุทธมามกมหาราชาธิราช กอปรด้วยพระราช-คุณูปการเป็นอเนกปริยาย ทรงวางรากฐานการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ทรงเปี่ยมด้วยพระราชอัจฉริยภาพด้านอักษรศาสตร์ ทรงเอาพระราชหฤทัยใส่ด้านการศึกษา ประวัติศาสตร์ โบราณคดี เพื่อหนุนนำให้ชาวสยามได้ตระหนักรู้ว่า ชาติไทยนี้ มีตำนานและประวัติศาสตร์ ซึ่งควรค่าแก่การหวงแหนและปกป้องรักษา
ด้วยพระราชวิสัยทัศน์อันกว้างไกล ทรงเห็นว่า ประเทศชาติจะมีความมั่นคงได้นั้น จำเป็นต้องมีกำลังกองทัพที่เข้มแข็ง ประชาชนมีสำนึกในความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทรงมุ่งมั่นรักษาอธิปไตยของชาติเป็นสำคัญ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนา กองอาสาสมัครพลเรือนขึ้น เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2454 โดยพระราชทานชื่อว่า “กองเสือป่า” และในวันที่ 1กรกฎาคม 2454 ทรงโปรดเกล้าฯ สถาปนากิจการลูกเสือขึ้น พร้อมประกาศข้อบังคับลักษณะการปกครองลูกเสือไทยฉบับแรก และได้พระราชทานคติประจำใจลูกเสือทุกคนว่า "เสียชีพอย่าเสียสัตย์" จากนั้นกิจการลูกเสือของไทยได้เจริญรุ่งเรืองเป็นคุณประโยชน์แก่บ้านเมืองของไทยมาจนปัจจุบัน และได้วิวัฒนาการออกไปเป็นกองอาสารักษาดินแดน ลูกเสือชาวบ้าน เนตรนารี เป็นต้น
ด้วยพระปรีชาญาณและพระมหากรุณาธิคุณเป็นที่ประจักษ์แก่สากล องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ได้ประกาศยกย่องพระเกียรติคุณพระองค์ เป็นบุคคลสำคัญทางวัฒนธรรมของโลก และปวงชนชาวไทยได้ถวายพระสมัญญาภิไธยพระองค์ท่านว่า “สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า”
ปวงข้าพระพุทธเจ้า จักน้อมนำแนวพระบรมราโชบายที่ทรงพระราชทานไว้ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวในการปฏิบัติหน้าที่และดำรงตน ด้วยความตั้งมั่นในการบำเพ็ญตนให้สมดังพระราชประสงค์ ประพฤติปฏิบัติตามคำปฏิญาณ และกฎของลูกเสือ มุ่งบำเพ็ญประโยชน์แก่ผู้อื่น ตลอดจนประเทศชาติบ้านเมือง
ในโอกาสวาระสำคัญครบรอบ 100 ปีวันคล้ายวันสวรรคตขององค์พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย "ศตวรรษามหาธีรราชานุสรณ์" ขอเชิญชวนท่านผู้มีเกียรติ ลูกเสือ เนตรนารี และบุคลากรทางการลูกเสือที่พร้อมกัน ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์แห่งนี้ ได้สงบจิต เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และพระเกียรติคุณแด่พระองค์ท่าน โดยพร้อมเพรียงกัน
“กระทรวงศึกษาธิการ จัดพิธีถวายราชสดุดี “วันสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า” ประจำปีทุกปี เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 6 และเมื่อวานนี้ ผมก็ได้ไปร่วมพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล รัชกาลที่ 6 เนื่องวันคล้ายวันสวรรคตครบ 100 ปีฯ ซึ่งรัฐบาลจัดขึ้น ณ วัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม สิ่งที่สำคัญที่สุดที่พระองค์ได้วางรากฐานไว้ ก็คือ กระบวนการลูกเสือ ซึ่งมีคุณูปการต่อการปลูกฝังเด็กและเยาวชนในยุคปัจจุบัน ตอบโจทย์ทุกความท้าทายของประเทศไทย เพราะเราสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างความรักความสามัคคี ความจงรักภักดี ความมีระเบียบวินัย การดูแลสุขภาพกายและใจของตนเอง จริง ๆ แล้วถือว่าเรื่องของลูกเสือมีความทันสมัย ยังไม่ได้ล้าหลัง สามารถปรับกิจกรรมของลูกเสือเพื่อร่วมสร้างประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศได้ เช่น ลูกเสือตามแนวชายแดนไทยช่วยดูแลและอำนวยความสะดวกพี่น้องประชาชน การปฐมพยาบาล หรือช่วยดูแลนักท่องเที่ยวและแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ เป็นต้น