รมช.ลิณธิภรณ์ ร่วมรองนายกรัฐมนตรี - สกศ. หนุนนโยบายเด็กปฐมวัย “3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม” ขับเคลื่อน-ปรับป...

รมช.ลิณธิภรณ์ ร่วมรองนายกรัฐมนตรี - สกศ. หนุนนโยบายเด็กปฐมวัย “3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม” ขับเคลื่อน-ปรับปรุง-พัฒนา สู่เป้าหมายการเรียนรู้อย่างเหมาะสม
2025-08-22 10:50:56
img-news
     เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น นางสาวลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) ร่วมการประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 4 ประจำปี พ.ศ. 2568 เรื่อง การขับเคลื่อนและพัฒนาเด็กปฐมวัย “3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม : The Better Change for All Kids” โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธาน พร้อมด้วยรองศาสตราจารย์ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการสภาการศึกษา คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย คณะอนุกรรมการ นักวิชาการ ครูปฐมวัย ผู้ดูแลเด็ก ผู้บริหารสถานศึกษาพัฒนาเด็กปฐมวัย นักเรียน รวมถึงพ่อแม่ผู้ปกครอง เข้าร่วม
ก่อนพิธีเปิดการประชุมฯ นางสาวลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ร่วมเยี่ยมชมการนำเสนอผลงานและการจัดแสดงผลงานทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัยจาก สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และองค์กรเครือข่ายภาครัฐและเอกชนหลายหน่วยงาน อาทิ กรมกิจการเด็กและเยาวชน กรมอนามัย องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ร่วมกับกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา มูลนิธิสตาร์ฟิชเอ็ดดูเคชั่น มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประธาน กล่าวในช่วงพิธีเปิดตอนหนึ่งว่า เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ข้อเสนอเชิงนโยบายพัฒนาเด็กปฐมวัย “3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม” เป็นวาระแห่งชาติ ตนจึงเชื่ออย่างยิ่งว่างานในวันนี้ จะช่วยสร้างความเข้าใจและความตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้แก่ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนในสังคม ทั้งยังช่วยส่งเสริมบทบาทของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ในการเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้เกิดการบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ในการขับเคลื่อนและการพัฒนาเด็กปฐมวัย ให้ได้รับการดูแลและใส่ใจอย่างมีคุณภาพและการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่เหมาะสมกับการพัฒนาการและความต้องการของเด็กอย่างแท้จริง
“ตนได้ขอฝาก 3 เรื่อง ได้แก่ หนึ่ง การศึกษาปฐมวัยเป็นการลงทุนกับเด็ก ที่ลงทุนน้อยแต่ได้ผลตอบแทนในระยะยาว วาระแห่งชาติในอนาคตคือการลงทุนด้านมนุษย์ จึงต้องเริ่มตั้งแต่การลงทุนในเด็กปฐมวัย สอง เด็กปฐมวัยไม่ได้มีเฉพาะที่อยู่ในระบบการศึกษา แต่มีอยู่ทั่วไปรวมถึงเด็กที่อยู่นอกระบบการศึกษาด้วย ปัจจุบันมีเด็กที่อยากเรียนแต่ไม่ได้เรียนและไม่มีโอกาส ประมาณ 1 ล้านคน จึงควรจัดสรรสิทธิในการเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียมให้แก่เด็กกลุ่มดังกล่าว สาม การใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมของเด็กปฐมวัย รวมถึงปัญหาด้านมาตรฐานด้านจริยธรรมและคุณธรรมของ AI ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังออกกฎหมายมากำกับดูแล แต่เนื่องจากปฏิเสธไม่ได้ว่า เทคโนโลยีมีความสำคัญ เราจึงควรใช้ AI เป็น Head ไม่ใช่เป็น Hand” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
    รองศาสตราจารย์ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการ สกศ. กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กประถมวัย โดยท่านประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้ร่วมกันผลักดันให้มีการขับเคลื่อนข้อเสนอนโยบายที่สำคัญ “3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม” เพื่อส่งเสริมพัฒนาเด็กประถมวัยในสภาวะวิกฤต และสร้างเครือข่ายการพัฒนาเด็กปฐมวัยในครอบคลุมทั่วประเทศเนื่องจากสถานการณ์ โควิด-19 ทำให้เกิดผลกระทบต่าง ๆ รวมถึงวิกฤตการใช้สื่อหน้าจอมือถือในเด็กปฐมวัย และความเหลื่อมล้ำในสังคมและครอบครัว ซึ่งลดทอนโอกาสการเข้าถึงการดูแลการบริการที่มีคุณภาพที่เหมาะสมตามวัย ทำให้เด็กปฐมวัยเผชิญกับสภาวะการเรียนรู้ที่ถดถอย และอาจจะส่งผลระยะยาวต่อพัฒนาการ รวมถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการเรียนรู้แบบไร้รอยต่อเมื่อเข้าสู่ระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานด้วย
    นอกจากนี้ นางคยองซอน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวแสดงความยินดี และกล่าวต่อว่า การออกข้อเสนอเชิงนโยบาย 3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยตระหนักถึงความสำคัญของเด็ก ๆ ซึ่งเป็นกลุ่มที่จำเป็นต้องได้รับการวางรากฐานตั้งแต่ปฐมวัย เพื่อมีสุขภาพใจและกายที่แข็งแรงในอนาคต จึงอยากฝาก 3 แนวทางที่เป็นประโยชน์ ได้แก่ หนึ่ง การให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะการเป็นพ่อแม่ในการดูแลเด็ก สอง การให้ความสำคัญการศึกษาแก่เด็กปฐมวัยทั้งในด้านคุณภาพ พร้อมกับปริมาณ และสาม การลดช่องว่างให้แก่เด็ก ในการเข้าถึงการดูแลที่เหมาะสม อาทิ ศูนย์ดูแลเด็กเล็ก ให้มีคุณภาพ มีความปลอดภัย และมีการเดินทางที่สะดวกสำหรับผู้ปกครองในการรับ – ส่งเด็ก
0:00
0:00
/
0:00
0:00
/
0:00