นายสรวิศ ธานีโต โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้หลายพื้นที่ เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศเข้าสู่ฤดูหนาว โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน และบางแห่งเริ่มมีอากาศหนาวในช่วงเช้า ทำให้อุณหภูมิในรอบวันเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ที่เลี้ยงไว้ได้ โดยอาจเกิดอาการเครียดและกินอาหารน้อยลง ความแข็งแรงและความทนทานต่อโรค ลดต่ำลง ทำให้สัตว์อ่อนแอ และติดโรคได้ง่าย โรคที่มักเกิดในช่วงปลายฝนต้นหนาวซึ่งมีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อเกษตรกรที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ได้แก่ โรคอียูเอส และโรคดวงขาว หรือตัวแดงดวงขาว และโรคที่มักเกิดกับสัตว์บก ได้แก่ โรคทางเดินหายใจ ปอดบวม หลอดลมอักเสบ

   ด้านนายสัตวแพทย์อภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า สัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข แมว / โค / กระบือ / เป็ด / ไก่ / แพะ / แกะ ที่ปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ยาก ทำให้สัตว์มีสุขภาพที่อ่อนแอลง ก่อให้เกิดโรคระบาดในสัตว์ได้ง่าย โดยเฉพาะโค-กระบือที่มักเกิดโรคทางเดินหายใจ ปอดบวม หลอดลมอักเสบ ส่วนสัตว์ปีก อาทิ ไก่ เป็ด ก็มักจะเกิดโรคอหิวาต์ หรือนิวคลาสเซิล ซึ่งเป็นโรคระบาดที่มีความสำคัญมาก เพราะมีการระบาดติดต่อกันอย่างรวดเร็ว จึงขอแนะนำให้เกษตรกรป้องกันโรคระบาดสัตว์ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรค ให้ยาและวิตามินเสริม ดูแลรักษาความสะอาดโรงเรือนและให้ความอบอุ่น รวมทั้งป้องกันมิให้สัตว์อื่นเข้าในโรงเรือน ตลอดจนให้อาหารที่ดีมีคุณภาพจะสามารถช่วยลดการเกิดโรคได้

   ทั้งนี้ ควรหมั่นสังเกตและดูแลสัตว์ที่เลี้ยงในฟาร์ม หากพบว่าป่วยเป็นโรค ให้รีบแยกกักสัตว์ป่วย และแจ้งเจ้าหน้าที่ประมงจังหวัด หรือเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่ เพื่อเข้าควบคุมโรคและรักษาโรคและหากมีสัตว์เลี้ยงตายในฟาร์มให้เกษตรกรรีบนำสัตว์เลี้ยงไปทำลายด้วยการเผา หรือฝัง เพื่อป้องการระบาด ของ โรคไปสู่สัตว์อื่น