ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ปัจจุบัน “นวัตกรรม” เป็นสิ่งสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจโลกและช่วยเพิ่มการเติบโตของประเทศได้อย่างรวดเร็ว กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจึงได้ผลักดันโครงการย่านนวัตกรรมเพื่อสร้างระบบนิเวศที่เหมาะสมต่อการประกอบธุรกิจและดำเนินชีวิตอย่างสะดวดสบาย รองรับการเจริญเติบโตของนวัตกร ผู้ประกอบการรุ่นใหม่และสตาร์ทอัพให้รวมกลุ่มเป็นคลัสเตอร์ก่อให้เกิดการจ้างงาน และสร้างรายได้ให้กับประเทศได้อย่างมหาศาล ซึ่งนวัตกรกลุ่มคนรุ่นใหม่จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ด้วยนวัตกรรมพร้อมนำพาประเทศเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 อย่างแท้จริง ซึ่งย่านนวัตกรรมจะเป็นพื้นที่สำหรับทดลองธุรกิจใหม่ๆและเป็นแหล่งงานรองรับธุรกิจในอนาคตของประเทศ โดยใช้พื้นที่เศรษฐกิจภายในเมืองซึ่งมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ภาครัฐลงทุนไว้แล้ว ดังนั้นการพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมและองค์ความรู้จากหน่วยงานทุกภาคส่วนมาเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้ ”นวัตกร” ได้ผลิตและใช้นวัตกรรม เพิ่มมูลค่าธุรกิจและคุณภาพชีวิต โดยย่านนวัตกรรมจะเป็นตัวเชื่อมเศรษฐกิจให้เจริญเติบโตตั้งแต่ระดับย่านไปจนถึงระดับประเทศ ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมาได้มีการร่วมมือกับมหาวิทยาลัย / ภาคเอกชน และภาคีเครือข่ายได้ศึกษาการพัฒนาย่านนวัตกรรม 11 พื้นที่ ได้แก่ ย่านนวัตกรรมในกรุงเทพมหานคร 7 ย่าน / ภาคตะวันออก 4 ย่าน ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครได้ขึ้นอันดับ 1เมืองที่ดีที่สุดของสตาร์ทอัพในเอเชียและเป็นอันดับ 7 ของโลก จึงมีแผนขยายการพัฒนาย่านนวัตกรรมอีก 4 พื้นที่ในภูมิภาคต่างๆ ด้วย และเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมให้ประชาชน ภาคธุรกิจต่างๆได้เข้าใจพร้อมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติจึงได้เตรียมจัดงาน “District Summit 2018” (ดิสทริก ซัมมิท) ระหว่างวันที่ 13 - 14 กุมภาพันธ์ 2561 ณ โรงละครเคแบงค์สยามพิฆเนศ กรุงเทพมหานคร คาดการณ์ว่างานนี้จะช่วยจุดประกายความคิดด้านการประกอบธุรกิจในปัจจุบันและสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ

   ด้าน ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ องค์การมหาชน กล่าวว่า การจัดงาน “District Summit2018” จะเป็นพื้นที่สำหรับพบปะบุคลากรสำคัญในการขับเคลื่อนความเจริญเติบโตของเมืองทั้งผู้บริหารจากหน่วยงานภาครัฐ / นักพัฒนาที่ดิน / เอกชนรายใหญ่ และภาคประชาชน โดยภายในงานประกอบด้วยกิจกรรม 3 ส่วน ได้แก่ งานประชุมสัมมนา / นิทรรศการ / โครงการประกวดออกแบบนวัตกรรม นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเมืองระดับโลกที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับวงการธุรกิจของโลกมาให้ความรู้ จาก 5 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส / สเปน / ญี่ปุ่น / ฮ่องกง / สิงคโปร์ ผู้สนใจเข้าร่วมงาน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.nia.or.th